
ใครคือ "เทวดา, ปีศาจ, มนุษย์" กันแน่? คำถามเชิงตรรกะอันโด่งดังที่น้อยคนจะตอบถูก
ไขปริศนา "เทวดา, ปีศาจ, มนุษย์" เมื่อเหตุผลทางตรรกะคือกุญแจของความจริง
ในโลกของเหตุผล บางครั้งคำถามง่ายๆ ก็อาจซ่อนความซับซ้อนของตรรกะไว้อย่างแนบเนียน เหมือนกับคำถามคลาสสิกที่มักถูกใช้ทดสอบความคิดเชิงตรรกะของผู้คนว่า “ใครกันแน่คือผู้พูดความจริง, ใครคือผู้โกหก และใครกันแน่ที่พูดปนกันทั้งสองแบบ?”
เราลองไปสนุกกับคำถามเชิงตรรกะสุดคลาสสิก ที่หลายคนต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาคำตอบ และมีอีกหลายคนที่ตอบไม่ถูกได้ในระยะเวลาที่กำหนด
เรื่องราวนี้เริ่มจากมีชาย 3 คน หนึ่งคนคือ “เทวดา” ผู้พูดแต่ความจริงเสมอ, หนึ่งคนคือ “ปีศาจ” ผู้พูดแต่ความเท็จเสมอ และอีกหนึ่งคือ “มนุษย์” ผู้ที่บางครั้งพูดความจริง บางครั้งก็พูดเท็จ
ทั้ง 3 ได้กล่าวถ้อยคำของตนดังนี้:
ชาย A: “ผมไม่ใช่เทวดา”
ชาย B: “ผมไม่ใช่ปีศาจ”
ชาย C: “ผมไม่ใช่มนุษย์”
เริ่มต้นจากการใช้ตรรกะ ใส่เหตุผลทีละขั้น
หากให้ชาย A เป็น “เทวดา” เขาจะต้องพูดความจริงเสมอ แต่คำพูดของเขาคือ “ผมไม่ใช่เทวดา” ซึ่งขัดแย้งกับความจริง เพราะถ้าเขาเป็นเทวดา คำพูดนี้จะกลายเป็นเท็จทันที ดังนั้น ชาย A จึงไม่อาจเป็นเทวดาได้
ต่อมา หากชาย A เป็น “ปีศาจ” เขาจะต้องพูดเท็จเสมอ แต่ประโยค “ผมไม่ใช่เทวดา” เป็นความจริง (เพราะเขาไม่ใช่เทวดาจริงๆ) ซึ่งขัดกับเงื่อนไขของปีศาจที่ไม่เคยพูดความจริงเลย ดังนั้น ชาย A ก็ไม่ใช่ปีศาจเช่นกัน
เมื่อเทวดากับปีศาจถูกตัดออกไป เหลือเพียงคำตอบเดียว ชาย A คือ “มนุษย์” ผู้ที่พูดความจริงหรือเท็จได้ทั้งสองแบบ
จากนั้นตามหาตัวตนของอีก 2 คน
จากที่ทราบว่าชาย A คือมนุษย์ เราจึงเหลือเทวดากับปีศาจให้เลือกในชาย B และชาย C
ไปดุที่ชาย C กล่าวว่า “ผมไม่ใช่มนุษย์” ซึ่งหากเขาเป็นปีศาจ ประโยคนี้จะเป็นคำโกหก หมายความว่าเขาเป็นมนุษย์ แต่เราทราบแล้วว่ามนุษย์คือชาย A ดังนั้น ชาย C จึงไม่อาจเป็นปีศาจได้
ในเมื่อไม่ใช่ปีศาจ ก็เหลือเพียงทางเดียว ชาย C คือ “เทวดา” ที่พูดความจริงเสมอ และประโยค “ผมไม่ใช่มนุษย์” ของเขาก็สอดคล้องกับความจริงอย่างสมบูรณ์
สุดท้าย เมื่อชาย C เป็นเทวดา และชาย A เป็นมนุษย์ ชาย B ย่อมเป็น “ปีศาจ” โดยธรรมชาติของปีศาจคือพูดเท็จ ดังนั้นคำพูด “ผมไม่ใช่ปีศาจ” ของเขาจึงเป็นคำโกหก ซึ่งยืนยันได้ว่าเขาเป็นปีศาจจริงๆ
บทสรุปของตรรกะ
หากเรียงลำดับให้ชัดเจน:
- ชาย A คือ มนุษย์
- ชาย B คือ ปีศาจ
- ชาย C คือ เทวดา
คำถามนี้อาจดูเหมือนเกมปริศนาง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วสะท้อนหลักการสำคัญของตรรกะและการใช้เหตุผลเชิงวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจน เพราะทุกคำตอบไม่ได้เกิดจากการคาดเดา หากแต่เป็นผลของการไตร่ตรองอย่างเป็นระบบ ซึ่งคือหัวใจของ “ตรรกะ” นั่นเอง