เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"ใบลาออก" มีผลวันไหน-ต้องแจ้งล่วงหน้าไหม? กฎหมายที่มักพูดกันผิดๆ คนทำงานต้องรู้!

คนทำงานต้องรู้! กฎหมายระบุเรื่องการบอกเลิกสัญญาจ้างอย่างไร “ลาออก” ต้องแจ้งล่วงหน้ากี่วัน

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการลาออกต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 1 เดือนเสมอ แต่ความจริงตามกฎหมายแรงงานไทย ไม่ได้กำหนดเวลาแบบตายตัวเสมอไป การลาออกถือเป็นสิทธิพื้นฐานของลูกจ้าง แต่ต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายและข้อตกลงในสัญญาจ้าง

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญาจ้างไว้ในมาตรา 17 และ 17/1 ซึ่งช่วยให้เข้าใจขั้นตอนและสิทธิของทั้งลูกจ้างและนายจ้างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

มาตรา 17: การบอกเลิกสัญญาจ้าง

สัญญาจ้างจะสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดตามสัญญาโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า แต่ถ้าเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา (หมายถึงสัญญาจ้างแบบจ้างไม่มีกำหนด หรือจ้างแบบไม่มีเวลาสิ้นสุด) ทั้งนายจ้างหรือลูกจ้างต้องแจ้งเลิกสัญญาเป็นหนังสือล่วงหน้าให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบอย่างน้อย 1 รอบของการจ่ายค่าจ้าง เช่น รายเดือน รายสัปดาห์ แต่ไม่เกิน 3 เดือน เพื่อให้การเลิกสัญญามีผลเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างครั้งถัดไป

ตัวอย่างเช่น หากบริษัทจ่ายค่าจ้างรายเดือน ลูกจ้างหรือนายจ้างต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 เดือน แต่ถ้าจ่ายค่าจ้างรายสัปดาห์ ก็ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้การเลิกสัญญามีผลเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างสัปดาห์ถัดไป

สำหรับสัญญาจ้างที่มีระยะเวลากำหนดชัดเจน เช่น 1 ปี สัญญาจะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวโดยไม่ต้องแจ้งลาออกล่วงหน้า แต่ถ้าลูกจ้างต้องการลาออกก่อนครบกำหนดสัญญา อาจต้องได้รับความยินยอมจากนายจ้างและอาจมีผลทางกฎหมายหรือค่าปรับตามสัญญาที่แตกต่างจากสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อกำหนดในสัญญาจ้างอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลาออกก่อนครบกำหนด

ในกรณีของสัญญาจ้างทดลองงาน ก็ถือเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาและต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เช่นกัน

หากนายจ้างเลือกที่จะจ่ายค่าจ้างแทนการแจ้งล่วงหน้า สามารถให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีได้

มาตรา 17/1: กรณีเลิกสัญญาจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

ถ้านายจ้างเลิกสัญญาจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างเป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้างที่ลูกจ้างจะได้รับในช่วงระยะเวลาที่ควรแจ้งล่วงหน้า โดยจ่ายในวันที่ลูกจ้างออกจากงาน

หมายเหตุ: ค่าจ้างที่จ่ายแทนการแจ้งล่วงหน้าในมาตรา 17/1 นี้เป็นเพียงเงินค่าจ้างทดแทนระยะเวลาการแจ้งล่วงหน้าเท่านั้น ไม่ใช่ค่าชดเชยหรือค่าตอบแทนอื่นๆ เช่น ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม (ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานในมาตราอื่น) เพื่อป้องกันความสับสน

 (10 อาชีพที่ "หายไปจากโลก" มีงานที่ครั้งหนึ่งเคยนิยมมาก แต่ปัจจุบันเหลือแค่ตำนาน!)

ใบลาออกมีผลเมื่อไหร่?

ตามกฎหมายแรงงานไทยไม่ได้ระบุชัดเจนว่าลูกจ้างต้องได้รับการ “ยอมรับ” ใบลาออกจากนายจ้าง แต่ารลาออกจะมีผลตามวันที่ลูกจ้างแจ้งล่วงหน้า หรือวันที่ระบุในใบลาออกตามเงื่อนไขกฎหมายและสัญญาจ้าง

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ หากนายจ้างไม่รับทราบหรือไม่ลงนามยืนยันใบลาออก อาจเกิดปัญหาการตีความหรือข้อพิพาทได้ ดังนั้น ควรเก็บหลักฐานการส่งใบลาออกเพื่อยืนยันการแจ้งล่วงหน้าและความถูกต้องตามกฎหมาย

ในยุคปัจจุบัน หลายบริษัทรับใบลาออกผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น อีเมล หรือระบบ HR ออนไลน์ การส่งใบลาออกผ่านช่องทางเหล่านี้ควรทำอย่างเป็นทางการและเก็บหลักฐานยืนยันการส่งและการได้รับ เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง

กฎหมายระบุให้แจ้งล่วงหน้ากี่วัน?

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 ระบุว่า ในกรณีสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ลูกจ้างต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง เช่น หากบริษัทจ่ายเงินเดือนรายเดือน ต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 เดือน หากจ่ายรายสัปดาห์ ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์

หากสัญญาจ้างไม่มีการระบุเรื่องแจ้งล่วงหน้า ให้ถือหลักนี้เป็นมาตรฐาน แต่ถ้าสัญญาจ้างมีข้อตกลงแตกต่าง ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนั้น

ถ้าลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าจะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าลูกจ้างลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าตามที่กฎหมายหรือสัญญาจ้างกำหนด นายจ้างอาจไม่ยอมรับการลาออกทันที และอาจถือว่าลูกจ้างผิดสัญญา ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิ์บางประการ เช่น ค่าชดเชยหรือเงินประกันตามสัญญา นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดความขัดแย้งทางกฎหมายหรือมีผลกระทบต่อชื่อเสียงการทำงานในอนาคต

นายจ้างสามารถดำเนินการหักเงินค่าชดเชย หรือเรียกร้องค่าเสียหายตามสัญญาได้ หากมีข้อกำหนดในสัญญาจ้าง

ดังนั้น หากต้องการลาออกทันที ควรเจรจาขอความยินยอมจากนายจ้าง หรือให้จ่ายค่าชดเชยแทนการแจ้งล่วงหน้าเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

 (สาวออฟฟิศ "เปลี่ยนชื่อไลน์" ก่อนออกจากกลุ่มแชท อ่านแล้วขอคารวะ ไอเดียนี้จบสวยสุดๆ)

นายจ้างจ่ายค่าชดเชยแทนการแจ้งล่วงหน้าต้องทำอย่างไร?

ตามมาตรา 17/1 หากนายจ้างต้องการให้ลูกจ้างออกทันทีโดยไม่แจ้งล่วงหน้า นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างแทนระยะเวลาการแจ้งล่วงหน้าที่ควรแจ้งให้ครบถ้วน เช่น ถ้าควรแจ้งล่วงหน้า 1 เดือน นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง 1 เดือนให้ลูกจ้างในวันที่เลิกจ้างทันที

คำว่า “ค่าชดเชย” ในที่นี้หมายถึงเงินค่าจ้างทดแทนระยะเวลาที่ควรแจ้งล่วงหน้า ไม่ใช่ค่าตอบแทนหรือค่าชดเชยอื่นๆ เช่น ค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ดังนั้น ค่าชดเชยการแจ้งล่วงหน้าคือการจ่ายเงินทดแทนแทนการทำงานในช่วงแจ้งล่วงหน้า

การจ่ายค่าชดเชยนี้เป็นการชดเชยสิทธิของลูกจ้างและช่วยให้การเลิกจ้างเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันข้อพิพาทในอนาคต

ข้อควรระวังสำหรับลูกจ้าง

  • อ่านสัญญาจ้างอย่างละเอียด เพื่อทราบเงื่อนไขเกี่ยวกับการลาออกและการแจ้งล่วงหน้า
  • แจ้งลาออกเป็นลายลักษณ์อักษร และเก็บหลักฐานไว้
  • หากต้องการลาออกทันทีโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ควรได้รับความยินยอมจากนายจ้างเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมาย

ความหมายของ “ลาออก” และ “เลิกจ้าง”

การที่ลูกจ้างยุติสัญญาจ้างด้วยตัวเอง เรียกว่า “ลาออก” ส่วนการที่นายจ้างเป็นฝ่ายเลิกสัญญา เรียกว่า “เลิกจ้าง” หรือ “ให้ออก” ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างเหมาะสมตามกฎหมาย

ตัวอย่างสถานการณ์จริงเพื่อความเข้าใจ

สมมติว่า “คุณเอ” ทำงานในบริษัทที่จ่ายเงินเดือนรายเดือน และในสัญญาจ้างไม่ได้ระบุเงื่อนไขการแจ้งลาออกล่วงหน้า หากคุณเอต้องการลาออกโดยแจ้งล่วงหน้า 1 เดือนตามกฎหมาย ลูกจ้างต้องแจ้งนายจ้างล่วงหน้าน้อยกว่า 1 รอบจ่ายค่าจ้างหรือมากกว่านั้นเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย

แต่หากคุณเอลาออกทันทีโดยไม่แจ้งล่วงหน้า นายจ้างอาจไม่รับใบลาออกทันที และอาจหักเงินค่าชดเชยหรือสิทธิ์อื่น ๆ ตามสัญญาจ้าง หรือเรียกร้องค่าเสียหายจากการผิดสัญญาได้

คำเตือนเรื่องการเก็บหลักฐานใบลาออก

  • ควรเขียนใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมลงวันที่และลายเซ็นของผู้ลาออก
  • ส่งใบลาออกโดยวิธีที่สามารถตรวจสอบได้ เช่น ส่งทางอีเมลที่มีการยืนยันการอ่าน หรือส่งทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน เพื่อเก็บหลักฐานว่าผู้ว่าจ้างได้รับทราบแล้ว
  • เก็บสำเนาใบลาออกและหลักฐานการส่งไว้เป็นหลักฐานสำคัญในกรณีเกิดข้อพิพาท

สิทธิประโยชน์และผลกระทบเมื่อลาออกผิดเงื่อนไข

หากลูกจ้างลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าตามกฎหมายหรือตามสัญญา อาจส่งผลกระทบดังนี้:

  • ไม่ได้รับค่าชดเชยหรือเงินประกันตามสัญญา
  • อาจไม่ได้รับเงินค่าล่วงเวลาหรือเงินโบนัสที่ค้างจ่าย
  • สิทธิในการรับเงินทดแทนกรณีว่างงานจากประกันสังคมอาจถูกจำกัด หรือไม่ได้รับสิทธิเลย
  • อาจมีผลต่อประวัติการทำงานและชื่อเสียงเมื่อต้องการสมัครงานในอนาคต

ดังนั้น หากต้องการลาออกทันที ควรเจรจาขอความยินยอมจากนายจ้างหรือจ่ายค่าชดเชยแทนการแจ้งล่วงหน้า เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง

สรุป

การลาออกไม่ใช่เรื่องที่แจ้งล่วงหน้า 1 เดือนเสมอไป แต่ขึ้นกับรอบการจ่ายค่าจ้าง เช่น รายเดือน รายสัปดาห์ และข้อตกลงในสัญญาจ้าง ใบลาออกจะมีผลเมื่อแจ้งล่วงหน้าตามกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากนายจ้าง การเข้าใจหลักการนี้ช่วยให้การลาออกถูกต้องและราบรื่น

 

หมายเหตุ

  • พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 และ 17/1
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582
  • สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน