ผักอายุวัฒนะ "วัชพืช" ที่คนไทยคุ้นเคย รู้สรรพคุณแล้วทึ่ง สมุนไพรทั่วโลกยกย่อง
ผักเบี้ยใหญ่ วัชพืชสรรพคุณดั่งทอง สมุนไพรใช้แพร่หลายทั่วโลก กินถูกเป็นยาอายุวัฒนะ กินผิดเสี่ยงไตวายเฉียบพลัน
ผักเบี้ยใหญ่ (Purslane) หรือ Portulaca oleracea เป็นพืชที่พบได้ทั่วโลก ในบางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา มักถูกมองว่าเป็นวัชพืชที่สร้างความรำคาญ แต่ในหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก จีน และประเทศในเอเชีย กลับนิยมรับประทานเป็นอาหารหรือใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน โดยในภาษาจีนเรียกผักชนิดนี้ว่า “ผักแห่งความยืนยาว” หรือ “ผักอายุวัฒนะ”
ผักเบี้ยใหญ่จัดเป็นพืชอวบน้ำ (succulent) ที่สามารถเก็บกักน้ำไว้ในลำต้น จึงเติบโตได้ดีในพื้นที่ร้อนและแห้งแล้ง เหมาะสำหรับปลูกในภูมิอากาศที่พืชชนิดอื่นอาจไม่รอดชีวิต และยังดูแลง่าย เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลารดน้ำต้นไม้เป็นประจำ

ประโยชน์ของผักเบี้ยใหญ่ (Purslane Benefits)
แม้จะดูเหมือนวัชพืช แต่ผักเบี้ยใหญ่ได้รับการจัดอันดับโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลก เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย
1. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย โดยมีสารสำคัญ เช่น วิตามิน A, เบตาแคโรทีน, วิตามิน C, กลูตาไธโอน, เมลาโทนิน และเบตาเลน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา และลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
2. ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง
ผักเบี้ยใหญ่มีสารฟลาโวนอยด์ อัลคาลอยด์ และโพลีแซ็กคาไรด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งในระยะเริ่มต้น
3. บำรุงหัวใจ
เป็นพืชที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูงที่สุดในบรรดาพืชบนบก ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ หลอดเลือด และโรคสมองขาดเลือด อีกทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม
4. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
มีรายงานวิจัยบางส่วนพบว่า การรับประทานผักเบี้ยใหญ่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 และอาจช่วยควบคุมน้ำหนักได้
5. เสริมสร้างกระดูกและฟัน
อุดมด้วยแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
6. ประโยชน์อื่น ๆ
- ช่วยสมานแผล
- บำรุงตับ
- บรรเทาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
- ช่วยลดการติดเชื้อจากไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา

คุณค่าทางโภชนาการของผักเบี้ยใหญ่
ผักเบี้ยใหญ่มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย เช่น วิตามิน A, C, โฟเลต (วิตามิน B9), โพแทสเซียม, แคลเซียม, เหล็ก, แมกนีเซียม และโคลีน
สารอาหารต่อ 1 ถ้วย (ประมาณ 43 กรัม)
- พลังงาน: 7 กิโลแคลอรี
- โปรตีน: น้อยกว่า 1 กรัม
- ไขมัน: น้อยกว่า 1 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต: 1 กรัม
- ไฟเบอร์: น้อยกว่า 1 กรัม
- น้ำตาล: น้อยกว่า 1 กรัม
ข้อควรระวังในการรับประทาน
ผักเบี้ยใหญ่มีกรดออกซาลิก (Oxalate) ซึ่งอาจทำให้เกิดนิ่วในไต โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นนิ่วหรือมีโรคไตอยู่แล้ว หากต้องการรับประทาน ควรต้ม หรือลวกก่อน เพื่อช่วยลดกรดออกซาลิกในผัก
นอกจากนี้ ผักเบี้ยใหญ่มีรสเค็มตามธรรมชาติ ผู้ที่ควบคุมปริมาณโซเดียมควรจำกัดการบริโภค ส่วนหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
รายงานทางการแพทย์จากจีน
ในปี 2022 โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์เจ้อเจียง (ประเทศจีน) รายงานผู้ป่วย 6 รายที่มีภาวะไตวายเฉียบพลันหลังรับประทานผักเบี้ยใหญ่ในปริมาณมาก แพทย์ตรวจพบผลึกเล็กจำนวนมากอุดตันท่อไต และพบระดับครีอะตินีนในเลือดสูงผิดปกติ สาเหตุเกิดจากการรับกรดออกซาลิกมากเกินไปในระยะเวลาสั้น ๆ
สรุป
ผักเบี้ยใหญ่ แม้จะดูเหมือนวัชพืช แต่เต็มไปด้วยสารอาหารและสรรพคุณที่มีคุณค่าทางยา ถือเป็น “ผักอายุวัฒนะ” ที่สามารถปลูกและรับประทานได้เองที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคไต หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพในระยะยาว