ย้อนภาพพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ย้อนประวัติศาสตร์ พระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 ทรงพระประชวรไข้พระวรกาย และเสด็จสวรรคต ณ พระตำหนัก พระราชวังพญาไท เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462
หลังจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระบรมศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามโบราณราชประเพณี ประดิษฐานพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
.jpg)
ครั้นถึงกำหนดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงออกแบบและอำนวยการสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง มีลักษณะเป็นพระเมรุมาศทรงปราสาท ยอดพรหมพักตร์สามยอด ชักมุขเชื่อมต่อกัน องค์กลางทำเป็นปราสาทจัตุรมุขยอดมณฑปห้าชั้น ที่ชั้นเหมทำเป็นรูปพรหมพักตร์ กั้นยอดฉัตรเจ็ดชั้น ปราสาทองค์ทางทิศเหนือและใต้ ทำเป็นปราสาทตรีมุขยอดมณฑปสามชั้น ที่ชั้นเหมทำยอดรูปพรหมพักตร์ กั้นยอดฉัตรห้าชั้น

วันที่ 24 พฤษภาคม 2463 ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เริ่มด้วยการอัญเชิญพระโกศพระบรมศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปประดิษฐาน ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง จากนั้นเจ้าพนักงานอัญเชิญพระโกศพระบรมศพเข้าสู่พระเมรุมาศ และประกอบพระโกศจันทน์ประดิษฐานบนพระจิตกาธาน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินขึ้นพระเมรุมาศ เพื่อถวายราชสักการะพระบรมศพ จากนั้นทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ หอพระสมุดวชิรญาณ (อาคารถาวรวัตถุ) ซึ่งใช้เป็นพระที่นั่งทรงธรรม พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ (ต่อมาคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า) ถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่ง จบแล้ว พระราชาคณะ 50 รูป สวดศราทธพรตคาถา
เมื่อเสร็จการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลภายในหอพระสมุดวชิรญาณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ คณะทูตและกงสุล ข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน กับพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพ ครั้นได้เวลาอันสมควร เสด็จพระราชดำเนินกลับพระบรมมหาราชวัง

พระราชประวัติ
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 66 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2407 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462 พระชนมายุ 55 ปี พระองค์มีพระราชโอรสธิดาทั้งสิ้น 9 พระองค์ โดยเป็นพระราชโอรส 7 พระองค์ พระราชธิดา 2 พระองค์
เมื่อแรกประสูติพระองค์ได้รับพระราชทานพระนามว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี พระองค์มีพระเชษฐาและพระขนิษฐาร่วมพระมารดาทั้งสิ้น 6 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชยพระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี และ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ
เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์นั้น พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีพระปัญญาที่เฉียบแหลมมาก ทรงใฝ่พระทัยในการศึกษาหมั่นซักถามแสวงหาความรู้ด้วยพระวิริยะอุตสาหะและทรงศึกษาวิชาการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วอันเป็นเครื่องแสดงถึงการที่ทรงมีพระวิริยะ พระปัญญาปราดเปรื่องหลักแหลม ต่อมาขณะที่มีพระชนม์ 15 พรรษา ทรงเข้ารับราชการเป็นมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงได้รับการสถาปนาเป็น พระนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี และในปีถัดมาก็ได้รับการสถาปนาเป็น พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี
ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ พระราชโอรสในพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารพระองค์ต่อมา พร้อมทั้งสถาปนาพระอิสริยยศของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี ในฐานะเป็นพระชนนีในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พระองค์ใหม่ ซึ่งเป็นพระยศพระอัครมเหสีเช่นเดียวกับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
สมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์แรกในประเทศไทย
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปในปี พ.ศ. 2440 เพื่อตรวจดูแบบแผนราชการแล้วนำมาเปรียบเทียบปรับปรุงการปกครองของราชอาณาจักรสยาม พร้อมกันนั้นก็เพื่อทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับอารยประเทศในยุโรป พระองค์จึงทรงมอบหมายให้สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งทรงปฏิบัติราชการแผ่นดินได้เรียบร้อยเป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก ด้วยพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถจรรยนุวัติปฏิบัติ ประกอบด้วยพระราชอัธยาศัยสภาพสมด้วยพระองค์เป็นขัตติยนารีนาถ และกอปรด้วยพระกรุณภาพยังสรรพกิจทั้งหลายที่ได้พระราชทานปฏิบัติมาล้วนแต่เป็นเกียรติคุณแก่ประเทศสยามทั่วไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระนามาภิไธย จากสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี เป็น 'สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ' เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์แรกในประเทศไทย
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ พระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราช กุมาร ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี ในฐานะพระราชมารดาพระองค์จึงทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น 'สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี' และทูลเชิญพระองค์เสด็จมาประทับที่พระราชวังพญาไท ซึ่งพระองค์ก็เสด็จประทับที่พระราชวังแห่งนี้จนกระทั่งเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการให้ออกพระนามพระบรมราชชนนีภายหลังการเสด็จสวรรคตว่า ‘สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง’
