เปิดภาพ "เมนูอาหาร" คนไทยสมัย ร.5 กินอะไร? จานที่เคยฮิตสุดๆ แทบหายไปจากปัจจุบัน!
สุดยอดสำรับ! 5 เมนูอาหารไทยโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ถูกจัดเป็น "อาหารอนุรักษ์"
เปิดภาพ "เมนูอาหาร" ของคนไทยในสมัย ร.5: คนสมัยก่อนกินอะไร? อาหารจานไหนที่เคยฮิตแล้วหายไปจากปัจจุบัน?
อาหารไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 นับเป็นยุคทองแห่งการผสมผสานและพัฒนาอาหาร เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากตะวันตกและจีนเข้ามามาก ทำให้เกิดเมนูใหม่ ๆ มากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเมนูอาหารไทยโบราณบางอย่างที่เคยนิยมชมชอบ กลับค่อย ๆ เลือนหายไปจากสำรับเมนูอาหารของคนไทยในปัจจุบัน
บทความนี้จะพาคุณย้อนเวลาไปสำรวจเมนูอาหารและวิถีการกินของคนไทยในยุคนั้น พร้อมเปิดภาพจานเด็ดที่อาจทำให้คุณต้องอุทานว่า "ไม่เคยเห็นมาก่อน!"
วิถีการกินของคนไทยในสมัยรัชกาลที่ 5
ในสมัยรัชกาลที่ 5 การทำอาหารยังคงเน้นความประณีตและพิถีพิถัน ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินที่มีมาแต่โบราณ โดยเฉพาะอาหารชาววังที่ถูกยกระดับเป็นศิลปะอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังเริ่มมีการรับอิทธิพลจากต่างชาติเข้ามา เช่น เครื่องปรุงจากจีน และรูปแบบการจัดเลี้ยงแบบตะวันตก
อาหารที่คนทั่วไปรับประทานมักเป็นอาหารที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่น เช่น แกงต่าง ๆ น้ำพริก ผักสด และปลา ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ การทำอาหารจะใช้เตาถ่านเป็นหลัก และเครื่องปรุงส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรสด ทำให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และห่างไกลจากอาหารปรุงสำเร็จในยุคปัจจุบัน
เมนูอาหารไทยโบราณยอดนิยมที่ยังคงอยู่
แม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยปี แต่เมนูอาหารไทยหลายอย่างที่ได้รับความนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ยังคงเป็นที่รู้จักและรับประทานกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ อาทิ:
- แกงเขียวหวาน: มีหลักฐานว่าแกงเขียวหวานเนื้อเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในสมัยนั้น ด้วยรสชาติเข้มข้น หอมเครื่องแกง และกะทิสด
- น้ำพริกชนิดต่าง ๆ: เช่น น้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทู ยังคงเป็นเมนูหลักในสำรับไทย ที่กินคู่กับผักสดและปลาทอด
- มัสมั่นไก่/เนื้อ: ได้รับอิทธิพลจากอาหารมลายู เป็นแกงที่ใช้เครื่องเทศเข้มข้น มีรสชาติกลมกล่อม หวาน เค็ม เปรี้ยว และมันกะทิ
- ผัดไทย: แม้ชื่อจะดูใหม่ แต่รากฐานของเส้นผัดที่ใส่เต้าหู้และถั่วงอกก็มีมาตั้งแต่ยุคก่อนหน้านั้นแล้ว และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
5 เมนูอาหารจานเด็ดที่เคยฮิต...แต่ปัจจุบันกลายเป็นของหายาก
อาหารเหล่านี้ไม่ได้หายไปจากโลก แต่ได้เปลี่ยนสถานะจากอาหารประจำวันมาเป็น "อาหารเฉพาะกลุ่ม" หรือ "อาหารอนุรักษ์" ที่หาทานได้ยากในร้านอาหารทั่วไปในยุคปัจจุบัน เนื่องจากกรรมวิธีที่ซับซ้อนและวัตถุดิบโบราณที่หายากขึ้นเรื่อย ๆ
1. หมี่กรอบชาววัง
หมี่กรอบโบราณจะมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม และมีกลิ่นหอมของส้มซ่า มีการใส่กระเทียมดอง ใบกุ้ยช่าย และผิวส้มซ่าหั่นฝอยละเอียด ปัจจุบันหมี่กรอบที่พบเห็นมักเป็นสูตรที่ปรับเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้รสชาติต้นตำรับแท้ ๆ ซึ่งต้องใช้ส้มซ่าเป็นส่วนผสมหลัก หายากมาก

2. แกงรัญจวน
แกงชนิดนี้เกิดจากการที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงมีรับสั่งให้นำเนื้อย่างที่เหลือจากการเสวยมาทำอาหารต่อ เพื่อไม่ให้เป็นอาหารเหลือทิ้ง จึงได้แกงที่รสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นน้ำพริกกะปิ และใส่เนื้อย่าง เมนูอาหารนี้ยังคงมีอยู่ แต่พบได้ตามร้านอาหารไทยชาววัง หรือร้านอาหารที่เน้นเมนูอนุรักษ์เท่านั้น

3. ข้าวบุหรี่
เป็นอาหารไทยโบราณที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดียหรือตะวันออกกลาง คล้ายข้าวหมก แต่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากการอบกับเครื่องเทศและเครื่องหอมต่าง ๆ นิยมกินกับไก่หรือเนื้ออบในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันเมนูนี้มักพบในร้านอาหารไทย-อิสลามโบราณ หรือร้านอาหารที่เน้นอาหารหุงอบพิเศษ

4. หรุ่มและลูกจันทน์
สองเมนูนี้เป็นเครื่องว่างชาววังที่ทำจากไข่ มีวิธีการทำที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง หรุ่มคือไส้คาวห่อด้วยร่างแหไข่ ส่วนลูกจันทน์คือไส้หวานห่อด้วยไข่ฝอยสีทอง เมนูอาหารชุดนี้ต้องใช้ความประณีตสูงมาก จึงถูกจัดเป็นอาหารอนุรักษ์ที่ต้องสั่งทำพิเศษ หรือหาทานได้เฉพาะในงานสำคัญที่จัดเลี้ยงอาหารไทยโบราณ

5. ยำใหญ่
ยำใหญ่นับเป็นสุดยอดแห่งยำในสมัยก่อน เพราะรวมวัตถุดิบและรสชาติที่หลากหลายไว้ด้วยกัน มีส่วนผสมมากกว่า 10 ชนิด คลุกเคล้ากับน้ำยำรสกลมกล่อม แม้จะยังมีร้านที่ทำเมนูนี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสูตรที่ถูกปรับเปลี่ยนและลดทอนวัตถุดิบลงไปจากสูตรโบราณมาก

- ครั้งแรกที่ต่างชาติบันทึกถึง “สยาม” เมื่อ 500 ปีก่อน รู้ไหมว่าพวกเขาพูดถึงเราอย่างไร?
- เผยโฉม 10 ราชินี "อายุน้อยที่สุด" ในประวัติศาสตร์โลก อันดับ 2 เป็นพระมเหสีตั้งแต่ 6 ขวบ!
สรุปวิวัฒนาการเมนูอาหารไทย
จะเห็นได้ว่า เมนูอาหารไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 มีความหลากหลายและน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยมีทั้งอาหารที่ยังคงเป็นที่นิยม และอาหารที่เลือนหายไปตามกาลเวลา การได้เรียนรู้เรื่องราวของอาหารไทยโบราณเหล่านี้ ช่วยให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการกินของบรรพบุรุษได้ดียิ่งขึ้น
การอนุรักษ์เมนูอาหารเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสถึงรสชาติและเรื่องราวอันทรงคุณค่าของอาหารไทยต่อไป