เด็ก 11 ขวบ อุจจาระทองคำ ราคาครึ่งแสน แม่สั่งห้ามขับถ่ายนอกบ้าน ต้องเขี่ยอึลูกดูทุกวัน
เด็ก 11 ขวบ อุจจาระทองคำ ราคาครึ่งแสน แม่สั่งห้ามขับถ่ายนอกบ้าน ต้องเขี่ยอึลูกดูทุกวัน
เหตุฮือฮา “เด็ก 11 ขวบกลืนทอง” เกิดขึ้นที่เมืองคุนซาน มณฑลเจียงซู ประเทศจีน เด็กชายเผลอกลืนเมล็ดทองคำที่แม่เพิ่งสั่งซื้อมาหมาดๆ ขณะทดลองคาบไว้เพื่อ “ฝึกกล้ามเนื้อลิ้น” ทำเอาแม่ทั้งตกใจทั้งขำ ต้องกำชับลูกว่า “ห้ามไปถ่ายนอกบ้าน เพราะก้อนนี้แพงมาก” เรื่องราวจบลงด้วยดีเมื่อสุดท้ายเด็กขับเมล็ดทองออกมาได้อย่างปลอดภัย
เมล็ดทองคำราคาแพง เผลอกลืนระหว่างเล่น
นางจี้ (Ji) แม่ของเด็ก เล่าว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เธอสั่งซื้อเมล็ดทองคำหนักราว 10 กรัม มูลค่ากว่า 10,000 หยวน (ประมาณ 45,000 บาท) และเพิ่งได้รับของเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม แต่ไม่นานก็ได้ยินลูกชายตะโกนเสียงดังว่า “แม่ครับ! ผมจะตายแล้ว ผมกลืนทองเข้าไปแล้ว!” ตอนแรกเธอคิดว่าลูกล้อเล่น จนเด็กชายร้องไห้สารภาพถึงรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
เอกซเรย์ยืนยัน “ยังอยู่ในกระเพาะ”
แม่พยายามตั้งสติและค้นข้อมูล พบว่าทองคำเป็นโลหะมีความเสถียร ไม่ค่อยทำปฏิกิริยาในทางเดินอาหาร และหลายกรณีสามารถขับออกมากับอุจจาระได้ จึงตัดสินใจเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมตรวจของเสียของลูกทุกครั้ง อย่างไรก็ตามผ่านไป 5 วันยังไม่พบวัตถุดังกล่าว เธอจึงพาลูกไปโรงพยาบาลตรวจเอกซเรย์ ซึ่งผลยืนยันว่ายังมีสิ่งแปลกปลอมในกระเพาะ แพทย์แนะนำให้ติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง

จบสวย เด็กขับออกมาได้ แม่โล่งอก ได้บทเรียนจัดเก็บของมีค่า
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เด็กชายสามารถขับเมล็ดทองคำออกมาได้โดยปลอดภัย ไม่มีอาการผิดปกติ ทำให้ผู้เป็นแม่โล่งใจเป็นอย่างมาก ต่อมาเธอเล่าเหตุการณ์ลงโซเชียลจนกลายเป็นไวรัล หลายคนแซวว่าเป็น “ค่าผ่านทางระบบทางเดินอาหารที่แพงที่สุด” ขณะเดียวกันแม่ย้ำว่าต่อจากนี้ของมีค่าจะต้องเก็บให้มิดชิด และหวังว่าลูกจะจำบทเรียนครั้งสำคัญนี้
ข้อควรรู้: เผลอกลืนวัตถุโลหะ ควรทำอย่างไร
โดยทั่วไป “การกลืนสิ่งแปลกปลอม” ในเด็กพบได้บ่อย และหลายกรณีสามารถผ่านออกทางอุจจาระได้เอง แต่หากมีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน เลือดออก อุจจาระไม่ออก หรือวัตถุมีความคม ยาว กัดกร่อน หรือไม่ขยับตำแหน่ง ควรพบแพทย์ทันที การประเมินด้วยเอกซเรย์และการติดตามอาการอย่างเหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ลำไส้อุดตันหรือบาดเจ็บภายใน
สรุป: เด็ก 11 ขวบกลืนทอง 10 กรัม บทเรียนเรื่องความปลอดภัยในบ้าน
แม้จบลงด้วยความปลอดภัย แต่เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ปกครองเก็บของมีค่าและวัตถุขนาดเล็กให้ห่างมือเด็ก อีกทั้งควรรู้หลักปฐมพยาบาลและสังเกตอาการผิดปกติหลังกลืนสิ่งแปลกปลอม หากมีข้อสงสัยควรไปโรงพยาบาลเพื่อประเมินโดยแพทย์ ไม่ปล่อยให้เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน