เนื้อหาในหมวด ข่าว

หนุ่มพรหมจรรย์ \

หนุ่มพรหมจรรย์ "ติดโรคทางเพศ" หมอบอกโอกาสมีน้อย แจ็กพอตเพราะแผลร้อนใน

ชายวัย 27 ปี ติดซิฟิลิสจากการจูบ ทั้งที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แพทย์ชี้โอกาสแม้น้อยแต่เกิดขึ้นได้

กรณี “ติดซิฟิลิสจากการจูบ” กลายเป็นอุทาหรณ์สำคัญ เมื่อชายวัย 27 ปีในเมืองจูโจว มณฑลหูหนาน ประเทศจีน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซิฟิลิส ทั้งที่ยืนยันว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน เหตุเกิดหลังไปคาราโอเกะกับเพื่อนและจูบหญิงสาว ขณะตัวเองมีแผลในปาก แพทย์ระบุว่าการติดเชื้อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากแผลเปิดในช่องปาก “มีโอกาสเกิดได้” แม้ไม่ใช่วิถีติดต่อที่พบได้บ่อย

เคสตัวอย่าง: แผลในปาก + การจูบ = ช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย

ชายหนุ่มเข้ารับการตรวจเพราะมีแผลริมฝีปากและผื่นแดงทั่วร่างกาย ก่อนพบผลเลือดชี้ชัดว่าเป็นซิฟิลิส เขาเล่าย้อนว่าไม่กี่เดือนก่อนมีการจูบกับหญิงสาวในงานสังสรรค์ และตอนนั้นมีแผลร้อนในอยู่พอดี แพทย์อธิบายว่า หากคู่สัมผัสมีเชื้อและทั้งสองฝ่ายมีแผลเปิดในช่องปาก เชื้อ Treponema pallidum อาจเข้าสู่ร่างกายได้ การรักษาเร็วช่วยลดภาวะแทรกซ้อนระยะยาวต่อหัวใจ หลอดเลือด และระบบประสาท

ซิฟิลิสติดต่ออย่างไร นอกจากการมีเพศสัมพันธ์

ซิฟิลิสจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ แต่ก็แพร่ผ่านช่องทางอื่นได้เช่นกัน ได้แก่ การสัมผัสแผลซิฟิลิสโดยตรง การรับเชื้อผ่านเลือดที่ปนเปื้อน และการติดต่อจากแม่สู่ลูก แพทย์ย้ำว่า “การจูบ” โดยทั่วไปมีความเสี่ยงต่ำ แต่ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นหากมีแผลหรือรอยถลอกในช่องปาก และสัมผัสกับแผลหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อโดยตรง การป้องกันที่ดีที่สุดคือเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดเมื่อมีแผลในปาก และตรวจคัดกรองเมื่อมีอาการน่าสงสัย

อาการและระยะของซิฟิลิส (สังเกตให้ไว รักษาให้เร็ว)

  • ระยะแรก: แผลแข็งไม่เจ็บ มักพบบริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือริมฝีปาก แผลมักหายเองในไม่กี่สัปดาห์ แต่เชื้อยังคงอยู่
  • ระยะที่สอง: มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต และผื่นทั่วตัว โดยเฉพาะฝ่ามือฝ่าเท้า อาการอาจหายเองได้
  • ระยะแฝง/ระยะที่สาม: เชื้อทำลายอวัยวะสำคัญ เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท อาจเกิดก้อนอักเสบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ หรืออวัยวะภายใน

ติดซิฟิลิสจากการจูบ: ทำอย่างไรให้ปลอดภัย

หากมีแผลร้อนใน แผลถลอก หรือเจ็บในช่องปาก ควรเลี่ยงการจูบและการใช้ของร่วมกับผู้อื่น จนกว่าแผลจะหายสนิท หากมีผื่นทั่วตัว แผลไม่ทราบสาเหตุ ต่อมน้ำเหลืองโต หรืออาการเข้าข่ายซิฟิลิส ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด เช่น RPR และยืนยันด้วยการทดสอบจำเพาะ TPPA การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะภายใต้การดูแลของแพทย์มีประสิทธิภาพสูง และช่วยลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น

สรุป: “ติดซิฟิลิสจากการจูบ” แม้โอกาสน้อย แต่ป้องกันได้

กรณีนี้ย้ำเตือนว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์เสมอไป “ติดซิฟิลิสจากการจูบ” สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีแผลเปิดและสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรง การสังเกตอาการเร็ว เข้ารับการตรวจ และรักษาอย่างครบคอร์สคือกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยหยุดวงจรการแพร่เชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ