ตื่นเช้ามา "ปัสสาวะ" เจอ 4 อาการนี้ หวั่นมดลูกเต็มไปด้วยโรค หมอเตือนรีบเช็กก่อนสาย!
ตื่นเช้ามาปัสสาวะ! พบ 4 สัญญาณนี้ รีบหาหมอทันที เสี่ยงมดลูก “เต็มไปด้วยโรค” ร้ายแรง
ผู้หญิงต้องรู้! หาก "ปัสสาวะถี่-ปนเลือด-มีกลิ่น" คือสัญญาณอันตรายจากมดลูก รีบปรึกษาแพทย์ทันที
มดลูกเปรียบเสมือน "บ้าน" ของชีวิตและความสามารถในการสืบพันธุ์ของผู้หญิง ดังนั้น ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ หลายคนอาจคิดว่าโรคเกี่ยวกับมดลูกจะแสดงออกผ่านแค่รอบเดือนหรืออาการปวดท้องน้อย แต่ความจริงแล้ว ตอนเช้าหลังตื่นนอนคือช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนที่สำคัญที่สุด
สุขภาพระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงและระบบทางเดินปัสสาวะมีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน หากคุณสังเกตเห็น 4 สัญญาณดังต่อไปนี้รวมกันหรือเกิดขึ้นต่อเนื่องขณะไปปัสสาวะในตอนเช้า ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามดลูกของคุณอาจมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงสะสมอยู่
4 สัญญาณเตือนจากปัสสาวะ ที่อาจบอกโรคมดลูก
1. ปัสสาวะถี่หรือปัสสาวะกะปริดกะปรอยบ่อยครั้ง
หากคุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งในตอนเช้า ปัสสาวะออกมาน้อย รู้สึกขัดลำกล้อง และรู้สึกปวดปัสสาวะอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นผลมาจากการถูกกดทับทางกลไก มดลูกตั้งอยู่ด้านหลังกระเพาะปัสสาวะอย่างใกล้ชิด ดังนั้น หากมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้นจากเนื้องอกมดลูกหรือเนื้องอกร้าย มันจะไปเบียดและลดความจุของกระเพาะปัสสาวะลง
ผู้ป่วยจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง แม้กระทั่งตอนกลางคืนก็ยากที่จะหลับได้สนิทเพราะอาการปวดปัสสาวะ นอกเหนือจากสาเหตุจากมดลูกแล้ว อาการปัสสาวะถี่ในตอนเช้ายังพบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน หรือภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกิน อย่างไรก็ตาม หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นร่วมกับความรู้สึกหนักบริเวณท้องน้อย หรือประจำเดือนมาผิดปกติ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจโรคทางนรีเวช
2. ปัสสาวะเปลี่ยนสี หรือมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
ปัสสาวะปกติหลังตื่นนอนควรมีสีเหลืองอ่อนและใส หากพบว่าปัสสาวะมีสีขุ่น มีตะกอน หรือมีกลิ่นเหม็นรุนแรง นั่นอาจไม่ใช่แค่ปัญหาจากการขาดน้ำหรืออาหารที่รับประทานเข้าไปเท่านั้น แต่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีสารคัดหลั่งจากมดลูก หรือช่องคลอดปะปนเข้าไปในน้ำปัสสาวะ
เมื่อเกิดการอักเสบที่เยื่อบุมดลูกหรือปากมดลูกอย่างรุนแรง อาจมีหนองหรือของเหลวที่ผิดปกติไหลออกมาตามทางเดินปัสสาวะในตอนเช้า กรณีที่รุนแรงกว่านั้น คือหากมีเนื้องอกร้ายหรือฝีในอุ้งเชิงกราน อาจเกิดรูทะลุ (Fistula) ระหว่างมดลูกและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้น้ำเหลืองรั่วไหลเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะโดยตรง อย่างไรก็ตาม ปัสสาวะขุ่นอาจเป็นเพียงสัญญาณของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะทั่วไป จึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียด
3. รู้สึกปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ ทั้งที่ไม่มีบาดแผล
ความรู้สึกร้อนหรือปวดแสบอย่างรุนแรงบริเวณท่อปัสสาวะทุกครั้งที่ปัสสาวะ มักบ่งชี้ว่าเยื่อบุภายในถูกระคายเคืองจากการติดเชื้อ เมื่อการอักเสบในมดลูกหรือช่องคลอดไม่ได้รับการรักษา เชื้อแบคทีเรียอาจลุกลามไปยังท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลัน
อาการนี้ทำให้การปัสสาวะแต่ละครั้งเป็นเรื่องทรมาน และอาจมีอาการปวดตึงบริเวณท้องน้อยร่วมด้วย หากปล่อยไว้ การอักเสบอาจลุกลามย้อนกลับขึ้นไปถึงไต อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้ว่าอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ อาจเกิดจากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่ไม่มีความซับซ้อน ดังนั้นจึงไม่ควรละเลย และต้องปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยแยกโรค
4. ปัสสาวะปนเลือด
การตรวจพบว่าปัสสาวะมีเลือดปน แม้เพียงเล็กน้อย ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ร้ายแรงเสมอ ผู้หญิงจำเป็นต้องแยกความแตกต่างให้ชัดเจนระหว่างเลือดประจำเดือนที่ตกค้าง หากเลือดที่พบมาจากระบบสืบพันธุ์ อาจเกิดจากการมีเลือดออกผิดปกติจากมดลูก เนื้องอกมดลูก ติ่งเนื้อ หรือมะเร็งมดลูกและปากมดลูกในระยะที่มีการตกเลือด
เมื่อก้อนเนื้องอกลุกลามเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ เส้นเลือดอาจได้รับความเสียหาย ทำให้เลือดไหลออกมาตามทางเดินปัสสาวะได้ ถึงแม้ว่าอาการปัสสาวะปนเลือดอาจเกิดจากนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือไตอักเสบ อาการนี้ยังเป็นอาการเริ่มต้นของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้อีกด้วย ดังนั้นจึงต้องรีบไปตรวจเพื่อแยกสาเหตุอย่างเร่งด่วน
- ฮือฮา! นักวิทย์ฯ เตือน "น้ำยาบ้วนปากยี่ห้อดัง" ใช้ทุกวัน เพิ่มความเสี่ยง "มะเร็ง" ไม่รู้ตัว
- เข้าใจใหม่! หมอเตือนเอง 1 คน ต้องใช้แปรงสีฟัน 2 ด้าม และอย่าวางไว้ใน "ห้องน้ำ"
การหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายในทุกเช้าเป็นสิ่งสำคัญ หากพบ 4 สัญญาณนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นร่วมกันหรือต่อเนื่อง ก็ควรรีบไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจสุขภาพมดลูกและระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อให้มั่นใจว่า "บ้านแห่งชีวิต" ของคุณยังคงแข็งแรงปลอดภัย
