เนื้อหาในหมวด ข่าว

ด.ญ.8 ขวบ ร้องไห้กลางดึก ปวดท้องน้อย หมอพบสิ่งที่น่าตกใจ บอกผปค. แจ้งตร.ด่วน!

ด.ญ.8 ขวบ ร้องไห้กลางดึก ปวดท้องน้อย หมอพบสิ่งที่น่าตกใจ บอกผปค. แจ้งตร.ด่วน!

เด็กหญิง 8 ขวบ กรีดร้องกลางดึก ปวดท้องน้อย แพทย์ตรวจร่างกาย "ผงะ" บอกแม่เด็ก "โทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับ หลิน ฮุ่ย วัย 34 ปี ในประเทศจีน เธอมีลูกสาวชื่อ ซินซิน เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 เป็นเด็กเรียบร้อยและเรียนดี แต่เนื่องจากสามีของเธอต้องเดินทางไปทำธุรกิจบ่อย ทำให้ซินซินส่วนใหญ่อยู่กับผู้เป็นแม่มาโดยตลอด แต่ช่วงหลังมานี้ เด็กหญิงเริ่มมีอาการแปลกๆ ที่ทำให้ผู้เป็นแม่กังวลอย่างหนัก

ตอนแรก ซินซินมีอาการปวดท้องเป็นๆ หายๆ ในระหว่างวัน เธอจะกุมท้องน้อยและร้องไห้น้ำตาคลอว่า "แม่ หนูเจ็บมาก" หลิน ฮุ่ยตกใจ คิดว่าลูกอาจจะหกล้มหรือถูกกระแทก จึงรีบตรวจร่างกายอย่างละเอียด แต่ไม่พบบาดแผลหรือรอยฟกช้ำใดๆ ผิวของลูกยังคงขาวสะอาดเหมือนเดิม เธอจึงปลอบลูกและคิดว่าอาจเป็นอาการท้องไส้ปั่นป่วน

แต่เพียงไม่กี่วันต่อมา อาการก็แย่ลง ทุกคืนซินซินจะร้องไห้ครวญครางด้วยความเจ็บปวดและนอนไม่หลับ หลิน ฮุ่ยจึงรีบพาลูกไปโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองทันที

ร่องรอย "เข็ม" ที่ผิดปกติ

เมื่อไปถึง แพทย์หญิงที่ทำการตรวจดูอาการของซินซินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และถามอย่างจริงจังว่า "เด็กเคยได้รับบาดเจ็บ หรือเผชิญเหตุการณ์พิเศษอะไรมาก่อนไหม" หลิน ฮุ่ย รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีว่า "ไม่เคยเลยค่ะ หลายปีมานี้ฉันไม่เคยห่างจากลูก ลูกไม่เคยเจออุบัติเหตุหรือป่วยหนัก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้คะ"

แพทย์ไม่ได้ถามต่อ เพียงแต่เรียกพยาบาลมาช่วยเตรียมการตรวจพื้นฐาน ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติ แต่เมื่อเธอมองต่ำลงไปถึงขาของซินซิน การเคลื่อนไหวของแพทย์ก็หยุดชะงักทันที "คุณแม่ดูตรงนี้สิคะ" หลิน ฮุ่ย ก้มลงมองแล้วถึงกับตัวแข็งทื่อ บนผิวหนังที่ขาอ่อนด้านนอกของซินซิน มีรอยฟกช้ำเล็กๆ สีฟ้าจางๆ อยู่

ถัดจากรอยฟกช้ำ มีจุดสีแดงเล็กๆ จุดหนึ่ง ซึ่งหากไม่สังเกตดีๆ ก็แทบมองไม่เห็น สีหน้าของแพทย์เปลี่ยนไปทันที พร้อมกับอุทานออกมาสองคำว่า "รอยเข็ม" หลิน ฮุ่ย ใจเต้นรัว ถามเสียงสั่นเครือ "คุณหมอว่าอะไรนะคะ รอยเข็ม? มัน... เป็นไปได้ยังไงกันคะ"

แพทย์เม้มปาก สีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น "ในชีวิตประจำวันของเด็ก ไม่น่าจะมีร่องรอยแบบนี้เกิดขึ้นเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณขาอ่อน ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่เกิดรอยจากกิจกรรมปกติ" หลิน ฮุ่ยสับสนไปหมด คิดว่า "หรือจะเป็นเพราะการตรวจสุขภาพที่โรงเรียน หรือครูฉีดยาคะ"

แพทย์ส่ายหน้า "หากเป็นการฉีดวัคซีนตามกฎ ทางโรงเรียนจะต้องแจ้งผู้ปกครองอยู่แล้ว ที่สำคัญ ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ตำแหน่งฉีดวัคซีนทั่วไป" หลังจากนิ่งไปสักพัก แพทย์ถามต่อว่า "ช่วงนี้เด็กมีอาการฝันร้ายบ่อยไหม ตื่นกลางดึก แล้วร้องปวด" หลิน ฮุ่ย พยักหน้า "ใช่ค่ะ! ช่วงหลายวันมานี้ลูกกรีดร้องแทบทุกคืน แถมยังบอกว่าปวดท้อง ฉันนึกว่าเขาแค่ปวดท้องตอนโต เลยไม่ได้ใส่ใจมาก"

สีหน้าของแพทย์ยิ่งเคร่งเครียดขึ้น "จากปฏิกิริยาของเด็กและร่องรอยเหล่านี้ ซินซินอาจเผชิญกับสิ่งเร้าภายนอกบางอย่าง ที่ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ และทางจิตใจก็เกิดความกลัวอย่างรุนแรง"

การค้นพบที่น่าตกใจและต้องแจ้งตำรวจ

ขณะที่แพทย์ตรวจต่อไป จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เธอใช้คีมค่อยๆ ยกเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังขึ้นเล็กน้อย และเห็นบางสิ่งที่ส่องแสงเย็นวาบ เธอกลั้นหายใจเข้าไปดูใกล้ๆ วินาทีต่อมาก็รู้สึกตัวเย็นวาบไปทั้งร่าง เพราะสิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนคือ ปลายโลหะขนาดเล็ก! ปลายเข็มนั้นหัก มีสนิม และฝังอยู่ในเนื้อ พยาบาลและแพทย์มองหน้ากันด้วยสีหน้าหนักใจยิ่งขึ้น "เราสงสัยว่าเด็กน่าจะได้รับบาดเจ็บพิเศษ ขอแนะนำให้รีบแจ้งตำรวจทันที"

ตำรวจมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หลังจากการสอบถาม พวกเขาก็พุ่งเป้าไปที่โรงเรียนของซินซินทันที ผู้อำนวยการโรงเรียนถึงกับตกตะลึง และรับรองว่าโรงเรียนมีการบริหารจัดการที่เข้มงวด ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แต่เมื่อสอบถามครูบางคน ก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ครูสาวคนหนึ่งพูดตะกุกตะกักว่า "ครูประจำชั้น หวัง หยุน ปกติจะดูแลซินซินดีมาก แต่... ฉันเคยเห็นเธอตำหนิซินซิน และเหมือนจะลงมือตี 2-3 ครั้งด้วย"

ความจริงที่เปิดเผย: การกลั่นแกล้งในโรงเรียน

หวัง หยุน ครูประจำชั้นถูกเรียกตัวมาสอบสวน เธอปฏิเสธอย่างหนัก แต่ก็ยอมรับว่าเคยตบมือซินซิน 2-3 ครั้งจริง โดยอ้างว่าเป็นการ "สั่งสอน" เนื่องจากเด็กไม่เชื่อฟังและรบกวนเด็กคนอื่นในชั้นเรียน แต่เมื่อตำรวจถามถึงรอยเข็มในตัวเด็กและรอยฟกช้ำ สีหน้าของหวัง หยุน ก็ซีดเผือด และปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่รู้เรื่อง

หลังจากการสอบสวนข้ามคืน ตำรวจได้ตัดข้อสงสัยของหวัง หยุน ออกไป และสืบสวนลึกลงไปในสภาพแวดล้อมของโรงเรียน จนกระทั่งพบว่า ไม่เพียงแต่ครูเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมชั้นบางคนก็มีสัญญาณการกลั่นแกล้งซินซินมาก่อน

จากกล้องวงจรปิดบริเวณโถงทางเดิน เจ้าหน้าที่พบภาพอันน่าตกใจ: ในช่วงพัก โดยที่ไม่มีครูคอยดูแล นักเรียนชายกลุ่มหนึ่งมักจะรุมล้อมและหยอกล้อซินซิน พวกเขาดึงผม ยึดอุปกรณ์การเรียน และแม้แต่ใช้ดินสอแทงที่ตัวเด็กหญิง ตำรวจยังได้รับข้อมูลจากนักเรียนคนหนึ่งว่า มีกลุ่มนักเรียน 3-4 คน มักจะลากซินซินไปที่มุมลับตาคนของสนามในเวลาพักเที่ยง

ที่นั่น พวกเขาใช้ เข็มกลัดจากป้ายประกาศ ในห้องเรียน แทงเบาๆ ที่แขน ขา และบริเวณขาอ่อนของซินซิน พร้อมทั้งขู่ไม่ให้เธอบอกใคร เข็มอันหนึ่งหักและติดค้างอยู่ ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรังและการติดเชื้อ นำไปสู่อาการปวดท้องและร้องไห้ตอนกลางคืน เมื่อถูกถามว่าทำไมไม่บอกครู ซินซินร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า "เพื่อนๆ บอกว่าถ้าหนูฟ้องจะถูกไล่ออกเพราะเป็นเด็กขี้ฟ้อง"

บทเรียนอันเจ็บปวดสู่สังคม

หลังจากความจริงปรากฏ โรงเรียนได้ดำเนินการทางวินัยกับนักเรียนที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด และได้จัดทำโครงการป้องกัน ความรุนแรงในโรงเรียน อย่างครอบคลุม ซินซินถูกย้ายไปชั้นเรียนอื่นและได้รับการสนับสนุนด้านจิตใจอย่างทันท่วงที

เรื่องราวของซินซินเป็นบทเรียนอันเจ็บปวดที่เตือนเราทุกคน การแสดงออกที่ผิดปกติของเด็ก เช่น "ไม่อยากไปโรงเรียน" หรือ "ร้องไห้บ่อย" ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่อาจซ่อนเสียงเรียกร้องความช่วยเหลืออันเงียบงันไว้ รอยเข็ม บนตัวเด็กไม่ได้สร้างความเจ็บปวดทางกายเท่านั้น แต่ยังเป็นบาดแผลลึกในจิตใจอันบอบบาง

แทนที่จะปฏิเสธว่า "ลูกฉันไม่เป็นถึงขนาดนั้น" ผู้ปกครองควรใส่ใจรับฟังและอยู่เคียงข้างลูก โรงเรียนไม่ควรเน้นแค่คะแนน แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ เด็กทุกคนสมควรเติบโตภายใต้ความรัก โดยที่ไม่ต้องหวาดกลัวต่อการคุกคามจากเพื่อนหรือความกดดันที่มองไม่เห็น การปกป้องเด็กจาก บูลลี่ในโรงเรียน ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของสังคมโดยรวม