ชาร์จแบตมือถือ 0–100% กินค่าไฟกี่บาท? สูตรคำนวณจริง พร้อมวิธีคิดละเอียด
หลายคนคงเคยสงสัยว่า ชาร์จแบตมือถือ 0–100% กินค่าไฟกี่บาท? จะแพงจนรู้สึกไหม หรือแทบไม่กระทบบิลค่าไฟบ้านเลย?
บทความนี้จะพาอ่านแบบเข้าใจง่าย ตั้งแต่สูตรการคำนวณ แปลงหน่วยจริง ตัวอย่างค่าใช้จ่ายตามความจุแบตที่พบบ่อย เคสตัวอย่าง และเคล็ดลับลดการสูญเสียพลังงาน เพื่อให้คุณรู้ตัวเลขจริงและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเมื่อชาร์จมือถือ
หลักการคิด
การคำนวณมี 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
สูตรที่ใช้ (Step-by-step)
1. แปลง mAh → Wh
Wh = (mAh × แรงดันแบต (V)) ÷ 1000
โดยทั่วไปใช้แรงดันมาตรฐานของแบตลิเธียมที่ 3.7 V เป็นค่าประมาณ เช่นมือถือความจุ 3,000 mAh → 3,000 × 3.7 ÷ 1000 = 11.1 Wh
2. คำนึงถึงประสิทธิภาพการชาร์จ
พลังงานที่ดึงจากปลั๊กจะมากกว่าพลังงานที่เข้าแบตเพราะมีการสูญเสีย (ตัวแปลง/สาย/ความร้อน) ค่า efficiency มักอยู่ระหว่าง 85%–95% หากใช้ค่า 85% ให้หาร Wh ด้วย 0.85 เพื่อหาพลังงานที่ดูดจากปลั๊กจริง
3. แปลง Wh → kWh
1 kWh = 1,000 Wh → เอา Wh ที่คำนวณแล้ว ÷ 1000 = kWh
4. คูณด้วยอัตราค่าไฟ (บาท/kWh)
ตัวอย่างในบทความนี้จะยกสองกรณีค่าไฟเพื่อให้เห็นช่วง ได้แก่ 3.99 บาท/kWh และ 4.15 บาท/kWh (ผู้ใช้สามารถแทนค่าตามบิลจริงของบ้านได้)
ตัวอย่างคำนวณจริง (ใช้แรงดันแบต 3.7V)
คำนวณให้เห็นสำหรับมือถือความจุทั่วไป โดยเปรียบเทียบสองกรณี efficiency: 85% (หัวชาร์จทั่วไป) และ 95% (หัวชาร์จมีประสิทธิภาพสูง)
| ความจุ (mAh) | พลังงานแบต (Wh) | พลังงานจากปลั๊ก (Wh) @85% | พลังงานจากปลั๊ก (kWh) | ค่าไฟที่ 3.99 บ./kWh | ค่าไฟที่ 4.15 บ./kWh |
|---|---|---|---|---|---|
| 3,000 | 11.1 | 13.06 | 0.01306 | ≈ 0.05 บาท (5 สตางค์) | ≈ 0.05–0.06 บาท |
| 4,000 | 14.8 | 17.41 | 0.01741 | ≈ 0.07 บาท (7 สตางค์) | ≈ 0.07–0.08 บาท |
| 5,000 | 18.5 | 21.77 | 0.02177 | ≈ 0.09 บาท (9 สตางค์) | ≈ 0.09–0.10 บาท |
| 6,000 | 22.2 | 26.12 | 0.02612 | ≈ 0.10–0.11 บาท | ≈ 0.11 บาท |
| 10,000 (powerbank) | 37.0 | 43.53 | 0.04353 | ≈ 0.17 บาท | ≈ 0.18 บาท |
หมายเหตุ: ค่าในตารางเป็นการประมาณโดยใช้แรงดันแบต 3.7V และ efficiency 85% เพื่อให้เห็นภาพ หากใช้ efficiency สูงขึ้น (95%) ค่าไฟจะลดลงเล็กน้อย
ปัจจัยที่ทำให้ค่าไฟจริงต่างออกไป
- ค่าไฟต่อหน่วย (บาท/kWh) — ขึ้นกับอัตราที่การไฟฟ้ากำหนดและนโยบายชดเชย (ผู้ใช้ควรใส่ค่าในบิลจริงของตัวเอง)
- ประสิทธิภาพหัวชาร์จและสาย — หัวชาร์จเก่าหรือสายคุณภาพต่ำจะมีการสูญเสียพลังงานมากขึ้น
- การชาร์จขณะใช้งาน — เล่นเกม/เปิดหน้าจอสว่างขณะชาร์จจะทำให้กินไฟรวมมากขึ้น เพราะเครื่องต้องจ่ายไฟให้ทำงานด้วย
- การชาร์จแบบไร้สาย — มักมีประสิทธิภาพต่ำกว่าสาย มีการสูญเสียพลังงานมากกว่า
- สภาพและอายุแบตเตอรี — แบตเสื่อมจะใช้พลังงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ต้องชาร์จบ่อยขึ้นหรือใช้เวลาชาร์จนานขึ้น
เคล็ดลับถ้าต้องการประหยัดค่าไฟจากการชาร์จ
ตัวอย่างการคำนวณแบบเร็ว — สูตรสั้น
ถ้าต้องการคำนวณแบบเร็ว ให้ใช้สูตรนี้:
ค่าไฟ (บาท) ≈ (mAh × 3.7 ÷ 1000 ÷ efficiency) × ค่าไฟ (บาท/kWh)
ตัวอย่างมือถือ 4,000 mAh, efficiency 85%, ค่าไฟ 4.00 บ./kWh:
ค่าไฟ ≈ (4,000 × 3.7 ÷ 1000 ÷ 0.85) × 4.00 ≈ 0.0675 บาท ≈ 6.8 สตางค์
บทสรุป
โดยสรุป ชาร์จแบตมือถือ 0–100% กินค่าไฟกี่บาท? คำตอบคือ จำนวนเงินน้อยมาก มักอยู่ในระดับ สตางค์ต่อครั้ง (ตัวอย่างทั่วไปประมาณ 0.05–0.2 บาท ขึ้นกับความจุแบตเตอรี ประสิทธิภาพหัวชาร์จ และค่าไฟของบ้าน)
ดังนั้น ค่าไฟจากการชาร์จมือถือไม่ควรเป็นสิ่งที่ต้องกังวล แต่ถ้าต้องการประหยัดจริงๆ ให้เลือกหัวชาร์จคุณภาพ หลีกเลี่ยงการชาร์จไร้สายบ่อยๆ และลดการใช้งานหนักขณะชาร์จ



