เนื้อหาในหมวด ข่าว

ใส่ \

ใส่ "บ็อกเซอร์" แล้ว ต้องใส่ "กางเกงใน" อีกหรือไม่? ถ้าไม่ใส่ จะมีปัญหากับอัณฑะหรือเปล่า?

ไขข้อสงสัย: ผู้ชายใส่ "บ็อกเซอร์" ต้องใส่ "กางเกงใน" อีกหรือไม่? เผยผลกระทบต่ออวัยวะเพศ

คำถามเรื่องเครื่องแต่งกายชาย โดยเฉพาะชั้นในอย่าง "บ็อกเซอร์" และ "กางเกงใน" ยังคงเป็นข้อสงสัยสำหรับหลายคน ว่าจริงๆ แล้วควรใส่อย่างไร หากใส่บ็อกเซอร์แล้ว จำเป็นต้องใส่กางเกงในอีกชั้นหรือไม่ หรือการใส่บ็อกเซอร์เพียงอย่างเดียวส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร

Sanook Assistant ขอไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลือกใช้ชั้นในให้เหมาะกับตนเอง

"บ็อกเซอร์" ก็คือ "กางเกงใน" ประเภทหนึ่ง

ความสับสนส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะการเรียกชื่อ ในความเป็นจริง ทั้ง "บ็อกเซอร์" และ "กางเกงใน" ต่างก็คือชั้นในสำหรับผู้ชาย เพียงแต่มีรูปทรงและการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยแบ่งหลักๆ ได้ดังนี้:

  • 1. กางเกงใน (Briefs): คือกางเกงในทรงดั้งเดิมที่เรารู้จักกันดี มีลักษณะรัดรูป กระชับช่วงเป้าหมาย ไม่มีส่วนของขา
  • 2. บ็อกเซอร์ (Boxer Shorts): คือกางเกงในทรงกางเกงขาสั้น มีลักษณะหลวม โคล่ง เน้นการระบายอากาศและความสบาย
  • 3. บ็อกเซอร์ บรีฟส์ (Boxer Briefs): คือกางเกงในแบบผสมผสาน ที่มีรูปทรงกระชับเหมือนกางเกงใน (Briefs) แต่มีส่วนขากางเกงเหมือนบ็อกเซอร์ (Boxers)

ดังนั้น คำตอบสำหรับคำถามแรกคือ "ไม่จำเป็นต้องใส่ซ้อนกัน" การใส่กางเกงใน (Briefs) แล้วสวมบ็อกเซอร์ (Boxer Shorts) ทับอีกชั้นหนึ่ง ไม่ใช่หลักปฏิบัติทั่วไป และอาจทำให้อับชื้นหรือไม่สบายตัวยิ่งขึ้น ให้เลือกใส่เพียงประเภทเดียวที่เหมาะกับกิจกรรมและกางเกงที่สวมใส่

ใส่ "บ็อกเซอร์" (ตัวโคล่ง) อย่างเดียว มีผลเสียหรือไม่?

การเลือกใส่บ็อกเซอร์ (Boxer Shorts) แบบตัวโคล่งเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพอวัยวะเพศโดยตรง แต่มีข้อควรพิจารณาในด้านการใช้งานและสรีระ เมื่อเทียบกับกางเกงในแบบกระชับ ดังนี้:

1. การขาดการรองรับ (Lack of Support)

ข้อเสียที่ชัดเจนที่สุดของบ็อกเซอร์ทรงหลวม คือการขาดการพยุงหรือรองรับอวัยวะเพศ เมื่อต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากๆ เช่น วิ่ง ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ต้องกระโดด การปล่อยให้อวัยวะเพศแกว่งไปมาอย่างอิสระ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หรือในบางกรณีอาจรู้สึกจุกได้

2. การเสียดสี (Chafing)

เนื่องจากบ็อกเซอร์ทรงหลวมไม่ได้ทำหน้าที่เป็น "ผิวหนังชั้นที่สอง" เมื่อสวมกางเกงตัวนอกที่มีเนื้อผ้าหยาบหรือแข็ง เช่น กางเกงยีนส์ ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศหรือต้นขาด้านใน อาจเสียดสีกับเนื้อผ้าของกางเกงโดยตรง ทำให้เกิดการระคายเคืองได้

3. การจัดทรงและรูปลักษณ์ภายนอก

การใส่บ็อกเซอร์ทรงหลวมกับกางเกงสแลค หรือกางเกงทรงรัดรูป อาจทำให้เนื้อผ้าของบ็อกเซอร์กองหรือย่นอยู่ภายใน ทำให้การสวมใส่กางเกงตัวนอกดูไม่สวยงาม และอาจทำให้รู้สึกอึดอัด

ข้อดีของ "บ็อกเซอร์" ที่กางเกงในรัดรูปไม่มี

แม้จะขาดการรองรับ แต่บ็อกเซอร์ทรงหลวมก็มีข้อดีที่สำคัญมาก คือ การระบายอากาศ การศึกษาบางส่วนชี้ให้เห็นว่า การสวมใส่กางเกงในที่รัดแน่นเกินไป อาจทำให้อุณหภูมิบริเวณอัณฑะสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิได้ บ็อกเซอร์ที่โปร่งสบายจึงเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใส่นอน หรือใส่ในวันพักผ่อนสบายๆ

สรุป: เลือกให้เหมาะกับสถานการณ์

การใส่บ็อกเซอร์ (Boxer Shorts) เพียงอย่างเดียวไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะเพศ และยังอาจดีต่อสุขภาพอสุจิด้วยซ้ำ แต่ก็มีข้อเสียเรื่องการขาดการรองรับ และอาจทำให้เสียดสีกับกางเกงตัวนอกได้

คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ การเลือกชั้นในให้เหมาะกับกิจกรรมในวันนั้นๆ:

  • วันสบายๆ หรือใส่นอน: เลือกใส่ บ็อกเซอร์ (Boxer Shorts) เพื่อการระบายอากาศที่ดี
  • วันที่ต้องออกกำลังกาย หรือใส่กางเกงรัดรูป: เลือกใส่ กางเกงใน (Briefs) หรือ บ็อกเซอร์ บรีฟส์ (Boxer Briefs) เพื่อการรองรับที่กระชับและป้องกันการเสียดสี
หมอมาเฉลยเอง ผู้ชายควรสวมกางเกงชั้นในขณะนอนหลับไหม? หลายคนเข้าใจผิด

หมอมาเฉลยเอง ผู้ชายควรสวมกางเกงชั้นในขณะนอนหลับไหม? หลายคนเข้าใจผิด

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไขข้อสงสัย ผู้ชายควรสวมกางเกงบ็อกเซอร์หรือกางเกงชั้นในขณะเข้านอนตอนกลางคืนไหม หลายคนเข้าใจผิด