สรุปจะได้ใช้ไหม? "เน็ตคนละครึ่ง" หลังดีอีมองแพงไป เปิด "เงื่อนไขใหม่" ถึงเอกชน
ส่อล่มหรือไม่? โครงการ “เน็ตคนละครึ่ง” หลังดีอีชี้ราคา 160 บาท ยังแพงไป ไม่ตอบโจทย์คนจน
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ส่งสัญญาณเบรกโครงการ “เน็ตคนละครึ่ง” หลังยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ กสทช. ที่กำหนดอัตราค่าบริการรายเดือน 160 บาท สำหรับดาต้า 40 กิกะไบต์ โดยมองว่าราคานี้ยังแพงเกินไปและไม่ตอบโจทย์การช่วยเหลือประชาชนฐานรากอย่างแท้จริง
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า โครงการนี้จะยังไม่ถูกเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 4 พฤศจิกายน นี้ ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้า โดยกระทรวงดีอีต้องการทบทวนรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องราคาและปริมาณดาต้าที่ประชาชนควรได้รับให้รอบคอบกว่านี้
ราคา 160 บาท ยังไม่ตอบโจทย์
รมว.ดีอี ตั้งข้อสังเกตว่า ยังไม่ทราบที่มาของการคำนวณตัวเลข 160 บาท จาก กสทช. และยืนยันว่าเป้าหมายของโครงการนี้ คือการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 14 ล้านราย ให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้จริง ไม่ใช่แค่การลดราคาตามสูตรสำเร็จ
เดิมที กสทช. ได้เจรจากับผู้ให้บริการ (โอเปอเรเตอร์) จากราคา 199 บาทต่อเดือน (ไม่รวมภาษี) จนเหลือ 160 บาท (รวมภาษี) นาน 3 รอบบิล อย่างไรก็ตาม ดีอีเห็นว่าภาคเอกชนควรเข้ามาร่วมรับภาระให้มากขึ้น เพื่อให้ราคาเหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่ ยันราคาต้องถูกลง เพราะเป้าหมายของโครงการนี้ คือการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
อุปสรรคใหญ่ ผู้ใช้ยังเป็น 2G
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่กระทรวงดีอีชี้ให้เห็น คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการจำนวนมากยังคงใช้โทรศัพท์ระบบ 2G ซึ่งไม่รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต 4G หรือ 5G ทำให้โครงการนี้อาจไม่เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติ
ดังนั้น จึงต้องมีการหารือถึงแนวทางสนับสนุนการอัปเกรดอุปกรณ์ให้แก่ประชาชนกลุ่มนี้ เพื่อให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตจากโครงการได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงนโยบายลอยๆ เท่านั้น
ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำนักงานฯ กำลังรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากกระทรวงดีอี เพื่อนำเงื่อนไขใหม่ไปหารือกับผู้ให้บริการอีกครั้ง โดยยอมรับว่าโมเดล 160 บาท เป็นอัตราที่เคยใช้ในช่วงโควิด-19 และอาจไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งก็ต้องรอบทสรุปกันต่อไป ว่าสุดท้ายแล้ว โครงการเน็ตคนละครึ่ง จะไปต่ออย่างไร?