ตำนาน 1 ใน 5 ธิดามังกร นางเอกผู้อาภัพที่สุด ถูกข่มขืน ป่วยทางจิต สิ้นชีวิตเดียวดาย
ตำนานชีวิต หลันเจี๋ยอิง อดีตนักแสดงสาวผู้โด่งดัง สู่โศกนาฏกรรมชีวิตแสนที่เลวร้าย
หลันเจี๋ยอิง (Yammie Lam) คืออดีตนักแสดงหญิงชาวฮ่องกงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเชียในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 ถึง 90 ด้วยใบหน้าที่สวยงามตามธรรมชาติ ทำให้เธอได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่สวยที่สุดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) โดยได้ปั้นเธอให้อยู่ในกลุ่ม "5 ธิดามังกร" (TVB's 5 Dragon Girls) ซึ่งมีดาราชั้นนำอีกหลายคนร่วมอยู่ด้วย
แม้จะมีผลงานโดดเด่นมากมายทั้งละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ แต่ชีวิตช่วงหลังของเธอกลับต้องประสบกับความตกต่ำถึงขีดสุด ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่อาภัพที่สุดคนหนึ่งของวงการบันเทิงฮ่องกง บทความนี้จะพาไปย้อนรอยเรื่องราวชีวิตของดาวดับดวงนี้ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนมาแล้วทั่วเอเชีย ซึ่งวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คือวันครบรอบการจากไปครบ 7 ปีของเธอ

จากเด็กสาวฐานะยากจน สู่หนึ่งใน “5 ธิดามังกร” ของ TVB
หลันเจี๋ยอิง เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2506 ที่ฮ่องกง ในครอบครัวเชื้อสายจีนแคะที่ไม่ได้มีฐานะมั่งคั่งนัก ชีวิตวัยเด็กของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องเผชิญปัญหาครอบครัวและความรุนแรงภายในบ้าน ซึ่งกลายเป็นบาดแผลทางใจที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่เธอก็ใช้ความมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองก้าวออกจากสภาพแวดล้อมเดิม
หลังจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย เธอสมัครเรียนหลักสูตรการแสดงระยะสั้น 6 เดือนของโรงเรียนการแสดง TVB รุ่นเดียวกับหลิวเจียหลิง อู๋จวินหยู และเจิ้งหัวเชียน เมื่อเรียนจบเธอได้รับโอกาสเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดทันที ถือเป็นก้าวสำคัญสู่เส้นทางดาราในยุคที่สถานี TVB กำลังรุ่งเรืองอย่างมาก
ผลงานแรกของเธอในวงการคือการเป็นพิธีกรรายการเด็กชื่อดัง “กระสวยอวกาศ 430” (430 Space Shuttle) ร่วมกับโจวซิงฉือและเจิ้งหัวเชียน ก่อนจะถูกดันให้เข้าสู่สายละครเต็มตัว และเริ่มรับบทตั้งแต่ตัวประกอบ นางรอง จนถึงนางเอก ทำให้ชื่อของหลันเจี๋ยอิงเริ่มคุ้นหูผู้ชมทีวีฮ่องกงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ยุครุ่งเรือง: ความสวยและฝีมือที่สะกดคนดู
ด้วยใบหน้าที่สวยเป็นเอกลักษณ์ บุคลิกทันสมัย และเสน่ห์หน้ากล้อง ทำให้เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “5 ธิดามังกร” (TVB’s 5 Dragon Girls) ซึ่งเป็นกลุ่มนักแสดงหญิงดาวรุ่งสวยและมาแรงของ TVB ร่วมกับเฉินอี้ว์เหลียน ชีเหม่ยเจิน เจิ้งหัวเชียน และหลีเหมยเสียน การถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ถือเป็นการรับรองว่าเธอคือหนึ่งในนางเอกแถวหน้าของช่องในยุคนั้น
หลันเจี๋ยอิงไม่ได้มีเพียงความสวย แต่ยังโดดเด่นด้านการแสดง เธอรับบทได้หลากหลาย ตั้งแต่สาวเรียบร้อยอ่อนหวาน นางเอกสายดราม่า ไปจนถึงตัวละครที่มีอารมณ์สวิงสุดขั้วอย่างคนเสียสติ หรือหญิงที่มีบาดแผลทางจิตใจ ทำให้เธอได้รับฉายาในหมู่คนดูว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่ “ตีบทแตก” ทุกครั้งที่ได้โอกาส
ละครและภาพยนตร์ที่ทำให้เธอกลายเป็นตำนานบนจอ เช่น มารพิณพิฆาต, ลิขิตฮ่องเต้, ฤทธิ์นางจิ้งจอก, จอมยุทธผงาดฟ้า,5 คู่ชูชื่น รวมถึงบทปีศาจแมงมุมสาวในภาพยนตร์ “ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน” ภาค 1–2 ที่แสดงร่วมกับโจวซิงฉือ ซึ่งทำให้เธอเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย

บทในตำนาน: “คู่แค้นสายโลหิต” และ “เจ้าพ่อตลาดหุ้น”
หนึ่งในบทบาทที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของหลันเจี๋ยอิง คือบทแม่ของพระเอกใน “คู่แค้นสายโลหิต” ละครคลาสสิกที่สร้างความประทับใจให้คนดูทั้งฮ่องกงและต่างประเทศ เธอรับบทหญิงสาวที่ถูกใส่ร้ายจนต้องรับโทษประหาร แม้จะออกไม่กี่ตอน แต่การแสดงอารมณ์ที่เข้มข้นและน่าเวทนาของเธอกลับตราตรึงใจผู้ชมอย่างมาก
อีกบทที่กลายเป็นเครื่องหมายการค้าด้านการแสดงของเธอคือบท “อาเหมย” ในละครฟอร์มใหญ่ “เจ้าพ่อตลาดหุ้น” หญิงแกร่งที่ต้องเลี้ยงดูเด็กสี่คนที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ต้องต่อสู้กับปัญหาชีวิตรอบด้านจนเกิดบาดแผลทางใจและมีอาการทางประสาท บทนี้ทำให้เธอได้รับเสียงชื่นชมล้นหลาม และได้รับเลือกเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดนักแสดงยอดนิยมของปี
ช่วงปลายยุค 80 ถึงต้นยุค 90 จึงถือเป็นจุดสูงสุดของอาชีพ เมื่อหลันเจี๋ยอิงไม่ใช่แค่นางเอกหน้าสวยอีกต่อไป แต่ได้รับการยอมรับให้เป็น “นักแสดงเจ้าบทบาท” ที่แบกรับดราม่าหนัก ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ชีวิตจริงที่โหดร้าย: ครอบครัว ความรัก และบาดแผลทางใจ
ต่างจากภาพบนจอ ชีวิตจริงของหลันเจี๋ยอิงเต็มไปด้วยความสูญเสียและความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด เธอเติบโตในครอบครัวที่มีปัญหาความรุนแรงภายในบ้าน จนทำให้มีแผลลึกในจิตใจตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ปัญหาชีวิตก็ยังไม่ผ่อนเบา
ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 เธอต้องเผชิญกับการจากไปของทั้งบิดาและมารดาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เป็นช่วงที่เธอยอมรับภายหลังว่าเป็นจุดที่จิตใจแทบพังทลาย ขณะเดียวกันชีวิตรักก็ไม่ราบรื่น แฟนหนุ่มที่เคยผูกพันกันอย่างลึกซึ้งถึงสองคนจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย ทำให้เธอต้องเผชิญความเศร้าสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระยะเวลาไม่ห่างกันมาก
ต่อมาเธอมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับนักธุรกิจและชาวต่างชาติ ซึ่งในช่วงหนึ่งเคยมีแผนจะสร้างครอบครัวและย้ายไปใช้ชีวิตต่างประเทศ แต่สุดท้ายความรักก็จบลงอย่างกะทันหัน เมื่อฝ่ายชายตัดสินใจเดินจากไปโดยไม่บอกกล่าว เหตุการณ์นี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดแตกหักที่ส่งผลรุนแรงต่อสภาพจิตใจของหลันเจี๋ยอิง
ปัญหาสุขภาพจิต หนี้สิน และการหายไปจากวงการ
เมื่อความสูญเสียถาโถมทั้งจากครอบครัว ความรัก และแรงกดดันจากวงการบันเทิง หลันเจี๋ยอิงเริ่มมีอาการของโรคซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจิตอย่างชัดเจน มีรายงานว่าในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เธอต้องเข้ารับการรักษาในสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต และหลังจากนั้นชีวิตก็ไม่เคยกลับไปเหมือนเดิม
เธอพยายามกลับมารับงานในวงการบันเทิง และหันไปลองทำธุรกิจด้านความงาม แต่ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ กลายเป็นภาระหนี้สินหนัก ศาลฮ่องกงมีคำสั่งให้เธอเป็นบุคคลล้มละลายในช่วงกลางทศวรรษ 2000 ทำให้ต้องใช้ชีวิตด้วยเงินช่วยเหลือจากสวัสดิการสังคม และพักอาศัยในเคหะของรัฐบาล
ในช่วงนี้สื่อมวลชนเริ่มเผยแพร่ภาพของเธอในสภาพทรุดโทรม ทั้งการเดินคนเดียวบนถนน สวมเสื้อผ้าซอมซ่อ สูบบุหรี่จัด หรือมีพฤติกรรมที่สะท้อนภาวะสับสนทางจิตใจ ภาพเหล่านี้สร้างความสะเทือนใจให้ผู้ที่เคยรู้จักเธอในฐานะนางเอกแถวหน้าของ TVB เป็นอย่างมาก

ข่าวลือเรื่องการถูกล่วงละเมิด และปมที่ไม่เคยได้คำตอบ
ในช่วงที่ชีวิตตกต่ำ มีรายงานจากสื่อบางสำนักว่า หลันเจี๋ยอิงเคยให้สัมภาษณ์อ้างว่าตนเองเคยถูกบุคคลทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงข่มเหงทางเพศขณะไปถ่ายงานที่ต่างประเทศ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สภาพจิตใจของเธอทรุดหนักในระยะยาว
ต่อมามีคลิปสัมภาษณ์ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในภายหลัง ซึ่งมีการพาดพิงชื่อบุคคลในวงการบันเทิงระดับแถวหน้าบางราย แต่ผู้ถูกกล่าวหาต่างออกมาปฏิเสธ และมีการระบุว่าคลิปดังกล่าวถูกตัดต่อโดยไม่ถูกต้อง ประเด็นนี้จบลงโดยไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นหนึ่งในปมที่สังคมไม่เคยได้รับคำตอบชัดเจนจากตัวหลันเจี๋ยอิงเอง
มือที่ยื่นมาช่วย: เพื่อนร่วมวงการและความพยายามครั้งสุดท้าย
แม้ภาพข่าวจำนวนมากจะสะท้อนภาพความโดดเดี่ยว แต่ในความเป็นจริง เพื่อนร่วมวงการหลายคนพยายามยื่นมือมาช่วยเหลือเธอ ทั้งในด้านการเงินและการดูแลสุขภาพ มีรายงานว่า หลิวเต๋อหัว ซึ่งเคยร่วมงานกับเธอหลายเรื่อง เคยมอบเงินช่วยเหลือก้อนหนึ่งเพื่อให้เธอใช้ประทังชีวิต และยังช่วยพาเธอไปพบจิตแพทย์ รวมถึงแนะนำให้เธอเข้ารับสวัสดิการจากรัฐ
เพื่อนนักแสดงอย่างหลิวเจียหลิง เจิ้งหัวเชียน และอู๋จวินหยู ก็พยายามติดต่อให้ความช่วยเหลือเช่นกัน แต่ด้วยปัญหาทางอารมณ์ การเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์บ่อยครั้ง และการเก็บตัวของหลันเจี๋ยอิง ทำให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเวลาผ่านไป เธอจึงค่อย ๆ หลุดออกจากวงโคจรของผู้คนในวงการอย่างน่าเสียดาย

การจากไปอย่างเงียบงัน และพิธีศพที่แสนเรียบง่าย
ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เพื่อนคนหนึ่งของหลันเจี๋ยอิงไม่สามารถติดต่อเธอได้ตามปกติ จึงเดินทางไปที่แฟลตในย่านสแตนลีย์ และสังเกตพบกลิ่นผิดปกติภายในห้อง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ สุดท้ายพบว่าเธอเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วราวสองวัน
ผลชันสูตรระบุว่าเธอเสียชีวิตจากภาวะล้มเหลวของตับ ไต และหัวใจอย่างเฉียบพลัน โดยมีปัจจัยร่วมจากการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าเป็นระยะเวลานานหลายปี งานศพของเธอจัดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และเรียบง่ายตามความต้องการของครอบครัว แม้จะมีข่าวว่าดารารุ่นน้องอย่างกู่เทียนเล่อ พร้อมช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในพิธีทั้งหมดก็ตาม
พิธีศพจัดที่โบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่งในฮ่องกง มีเพื่อนนักแสดงและคนรู้จักมาร่วมไว้อาลัยจำนวนหนึ่ง ก่อนที่อัฐิของหลันเจี๋ยอิงจะถูกนำไปเก็บไว้ในสุสานของโบสถ์ เป็นการปิดฉากชีวิตของนักแสดงหญิงผู้เคยสว่างไสวบนจอ แต่ต้องจากไปอย่างเงียบงันในชีวิตจริง
มรดกบนจอ: เธอยังถูกจดจำในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาท
แม้ชีวิตส่วนตัวของหลันเจี๋ยอิงจะเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม แต่ผลงานการแสดงของเธอยังคงเป็นที่พูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้ บทบาทใน “คู่แค้นสายโลหิต”, “เจ้าพ่อตลาดหุ้น”, “ฤทธิ์นางจิ้งจอก”, “ลิขิตฮ่องเต้” และภาพยนตร์ “ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน” ยังคงถูกหยิบมาชมและย้อนรำลึกถึงยุคทองละครฮ่องกงอยู่เสมอ
ในสายตาของผู้ชมจำนวนมาก หลันเจี๋ยอิงไม่ได้เป็นเพียง “ดาราผู้อาภัพ” แต่ยังเป็นตัวแทนของนักแสดงหญิงที่มีพรสวรรค์สูง ทุ่มเทกับทุกบทบาท ที่สะท้อนให้เห็นด้านมืดและความเปราะบางของคนในวงการบันเทิง