อ.นิเทศ DPU ชี้ชัดพรรคการเมืองไทยใช้ “สี” เป็นกลยุทธ์สื่อสารอัตลักษณ์ สะท้อนการตลาดการเมืองยุคใหม่
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “การสื่อสารเชิงอัตลักษณ์เพื่อการตลาดการเมือง: สีแทนพรรคการเมืองไทย” โดย อาจารย์วรพงษ์ ปลอดมูสิก รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และหัวหน้าหลักสูตรการสื่อสารการตลาดดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ DPU ซึ่งเป็นผู้วิจัยพบว่า พรรคการเมืองไทยในปัจจุบันต่างนำ “สี” มาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการเมืองเพื่อสร้างการจดจำและสะท้อนอัตลักษณ์ของพรรคในสายตาประชาชน โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนสนามการเมืองให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ
งานวิจัยชี้ว่า การใช้ “สีแทนพรรค” กลายเป็นภาษาทางการเมืองที่ทรงพลัง ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองสะท้อนออกมาผ่านการออกแบบตราสัญลักษณ์ที่มีความแตกต่างเชิงแนวคิด ทั้งการใช้ตราแบบตัวอักษร (Letterform) แบบภาพ (Pictorial Mark) หรือนามธรรม (Abstract Mark) เพื่อสร้างความหมายเชิงสัญญะที่สะท้อนคุณค่าของพรรคอย่างชัดเจน ในส่วนของสีที่เลือกใช้ส่วนใหญ่จะมีไม่กี่สี ซึ่งสามารถยกตัวอย่างและอธิบายตามความหมายของทฤษฎีสี (Theory of Color) ได้ดังนี้ สีน้ำเงินแสดงถึงความเงียบสงบ เป็นสัญลักษณ์ของการสื่อสาร สติปัญญา ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย สีแดงแสดงถึงความกล้าหาญ ความรัก พลังอำนาจ และกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น สีส้มแสดงถึงความเป็นมิตร ความสนุก ให้ความรู้สึกอบอุ่น ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสร้างสรรค์ทันสมัย สีฟ้าแสดงถึงความสงบสุข ปล่อยวาง และการไว้วางใจ สีชมพูเชื่อมโยงแนวคิดเรื่องความสุข ความรักความขี้เล่น ความอบอุ่น ความอ่อนไหว และแสดงออกซึ่งความเมตตา สีเหลืองแสดงถึงความสดใส มีชีวิตชีวา และการมีความคิดสร้างสรรค์
ผลการศึกษายังพบว่า แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเว็บไซต์และเฟซบุ๊กแฟนเพจเป็นแพลตฟอร์มหลักของพรรคการเมืองที่ใช้ในการสื่อสารกับกลุ่มประชาชน โดยมักมีการเลือกใช้สีพื้นหลังและตัวอักษรที่ตัดกันช่วยเพิ่มความโดดเด่นและความจดจำในสายตาผู้รับสาร การจัดวางสีระหว่างพื้นหลังและตัวอักษรถูกออกแบบให้เกิดความตัดกัน (contrast) เพื่อให้อ่านง่ายและดึงดูดความสนใจได้ทันที นับเป็นหลักการพื้นฐานของการออกแบบเพื่อการสื่อสาร (communication design) ทุกพรรคเลือกใช้ข้อความสั้น กระชับ และชัดเจนเพื่อย้ำภาพลักษณ์หลักของตนและสร้างการจดจำ เน้นข้อความจำง่ายในเวลาอันสั้น การเลือกใช้ภาพของหัวหน้าพรรคหรือภาพกิจกรรมของพรรค แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การสร้างแบรนด์บุคคลโดยการใช้ภาพบุคคลที่เป็นผู้นำทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของพรรค การใช้ข้อความและธีมเดียวกันระหว่างเว็บไซต์และเฟซบุ๊กแฟนเพจแสดงให้เห็นถึงการสื่อสารเชิงอัตลักษณ์ที่จะช่วยเพิ่มการจดจำ ความน่าเชื่อถือ และความเป็นมืออาชีพของพรรค
ในขณะเดียวกันบทบาทของสื่อมวลชนซึ่งเป็นผู้มีบทบาทในการกำหนดวาระข่าวสารก็ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสื่อสารและนิยามสีแทนพรรคการเมืองไทย สีและภาพคือภาษาทางการเมืองที่ถูกใช้ในการสื่อสารต่อสาธารณะ สื่อมวลชนกำลังทำหน้าที่เป็นเวทีสำคัญในการสะท้อนวาทกรรมทางการเมืองที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การถ่ายทอดเนื้อหาข่าว แต่มีบทบาทในการสร้างแนวโน้มทางความคิดของสังคมผ่านภาษาที่เลือกใช้ ถือเป็นการกำหนดวาระสาธารณะซึ่งมีผลต่อทัศนคติของประชาชนและสร้างการรับรู้ทางการเมืองในวงกว้าง
อาจารย์วรพงษ์ ปลอดมูสิก ในฐานะนักวิจัยเรื่องนี้ยังระบุว่า สีไม่ได้เป็นเพียงองค์ประกอบทางความงาม แต่เป็น “เครื่องมือทางจิตวิทยาและสัญลักษณ์” ที่ทรงพลังต่อการสื่อสารทางการเมือง การใช้สีอย่างมีระบบจึงเปรียบได้กับการสร้าง “แบรนด์พรรคการเมือง” ที่เชื่อมโยงอุดมการณ์กับความรู้สึกของประชาชนโดยตรง ดังนั้นหากพรรคการเมืองอยากสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ทางพรรคการเมืองเองจำเป็นต้องพัฒนา “กลยุทธ์สื่อสารอัตลักษณ์” ด้วยการใช้สีและสัญลักษณ์ให้สอดคล้องกับบริบทสังคมดิจิทัล เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างปฏิสัมพันธ์ และขยายการมีส่วนร่วมของประชาชนบนโลกออนไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งซึ่งจะมีแนวโน้มของการใช้สื่อในการหาเสียงสร้างคะแนนความนิยม การใช้อัตลักษณ์ที่สร้างความโดดเด่นแตกต่างจะสามารถมีโอกาสที่จะทำให้ประชาชนเกิดการจดจำและส่งผลต่อการเลือกที่กำลังจะมาถึงในช่วงต้นปี 2569 นั่นเอง