ชื่อนี้แปลว่าอะไร? ย้อนรอยราชทินนาม "หลวงทุกขราษฎร์" ที่ ร.4 ทรงไม่โปรด ถึงขั้นสั่งเปลี่ยน!
ย้อนรอยขุนนางที่เคยถือ "หลวงทุกขราษฎร์" ราชทินนามซึ่ง ร.4 ทรงไม่โปรด
เกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เมื่อพระองค์ทรงมีพระราชดำริถึงความเหมาะสมของราชทินนามที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
ราชทินนามดังกล่าวคือ "หลวงทุกขราษฎร์" ซึ่งเป็นชื่อที่พระองค์ทรงพิจารณาแล้วว่ามีความหมายที่ไม่เป็นมงคลและไม่สอดคล้องกับภาระหน้าที่ของขุนนางผู้รับตำแหน่ง
เหตุผลที่ รัชกาลที่ 4 ทรงไม่โปรด "หลวงทุกขราษฎร์"
ในฐานะที่ทรงเชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ทั้งภาษาไทย บาลี และสันสกฤต รัชกาลที่ 4 ทรงวิเคราะห์ความหมายของคำว่า "ทุกขราษฎร์" อย่างละเอียด
คำนี้ประกอบด้วยคำว่า "ทุกข์" ที่หมายถึงความเดือดร้อน และ "ราษฎร์" ที่หมายถึงประชาชน เมื่อรวมกันจึงสื่อถึง "ผู้กระทำทุกข์ให้แก่ราษฎร" หรือ "ผู้ที่มีทุกข์ของราษฎร"
ความหมายดังกล่าวขัดแย้งอย่างยิ่งกับพระราชหฤทัยของพระองค์ที่มุ่งเน้นการดูแลทุกข์สุขของประชาชน ดังปรากฏในพระราชดำรัสที่ว่า "ชื่อหลวงทุกขราษฎร์ที่เรียกมาแต่ก่อนๆ นั้น หาชอบกลไม่ ฟังดูเป็นทีประหนึ่งกระทำทุกข์ให้แก่อาณาประชาราษฎรให้ได้รับความเดือดร้อน"
การเปลี่ยนชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคล
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงชี้ให้เห็นว่าราชทินนาม "หลวงทุกขราษฎร์" มีความหมายที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นมงคล และด้วยพระราชประสงค์ที่จะแก้ไขความหมายที่ไม่ถูกต้องและเพื่อความเป็นสิริมงคลในการปกครอง
พระองค์จึงทรงมีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนราชทินนามนี้เสียใหม่ จาก "หลวงทุกขราษฎร์" เป็น "หลวงบรรเทาทุกขราษฎร์" เพื่อสื่อความหมายถึงการทำหน้าที่บำบัดทุกข์ให้แก่ราษฎร
ความหมายของราชทินนามใหม่
- คำว่า "บรรเทา" หมายถึง การทำให้เบาลง หรือการทำให้ทุเลาลง
- ดังนั้น "หลวงบรรเทาทุกขราษฎร์" จึงมีความหมายที่สมบูรณ์ตรงตามหน้าที่ คือ "ผู้ทำหน้าที่บรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร"
การปรับเปลี่ยนราชทินนามครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระอัจฉริยภาพของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงให้ความสำคัญกับหลักการใช้ภาษา และทรงเน้นย้ำถึงภาระหน้าที่ของขุนนางในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นปรัชญาการปกครองที่สำคัญอย่างยิ่ง
ราชทินนาม "หลวงบรรเทาทุกขราษฎร์" จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของพระองค์ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ระบบการปกครองมีความทันสมัยและเหมาะสมมากขึ้น
"พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย)" วีรบุรุษแห่งเมืองพัทลุง
แม้จะมีการเปลี่ยนชื่อในรัชสมัยที่ 4 แต่ตำแหน่งนี้ก็ถือเป็นราชทินนามที่มีมาตั้งแต่โบราณ และมีขุนนางหลายท่านเคยดำรงตำแหน่งสำคัญนี้ในหัวเมืองต่าง ๆ โดยมีบทบาทโดดเด่นในการปกครองและการศึกสงคราม
หนึ่งในบุคคลสำคัญที่เคยดำรงราชทินนามนี้และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คือ พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ซึ่งเป็นขุนนางในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เดิมท่านมีชื่อว่า "ช่วย" และเป็นพระภิกษุ (พระมหาช่วย) จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าเลไลยก์ เมืองพัทลุง ท่านมีความเชี่ยวชาญทั้งด้านคันถธุระ (การศึกษาพระธรรมวินัย) และไสยศาสตร์
บทบาทสำคัญในการศึกสงครามเก้าทัพ
- ในคราวสงครามเก้าทัพ (พ.ศ. 2328) พม่าได้ยกทัพเข้าตีหัวเมืองทางใต้ รวมถึงเมืองพัทลุง
- พระมหาช่วยได้ลาสิกขาบทและรวบรวมชาวบ้านร่วมกับพระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) นำกำลังเข้าต่อต้านกองทัพพม่าจนสามารถขับไล่พม่าให้ออกไปจากเมืองได้สำเร็จ
- จากวีรกรรมอันกล้าหาญนี้ ท่านจึงได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น พระยาทุกขราษฎร์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง มีบรรดาศักดิ์เทียบเท่าเจ้าเมือง
ถึงแม้ชื่อตำแหน่ง หลวงทุกขราษฎร์ หรือ พระยาทุกขราษฎร์ จะเป็นชื่อที่ไม่โปรดในภายหลัง แต่บทบาทของขุนนางที่เคยดำรงตำแหน่งนี้ โดยเฉพาะพระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ก็สะท้อนถึงการทำหน้าที่ บำบัดทุกข์ ของราษฎรอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเจตนารมณ์เดียวกันกับที่ รัชกาลที่ 4 ทรงต้องการสื่อผ่านชื่อใหม่คือ "หลวงบรรเทาทุกขราษฎร์"
การปรับเปลี่ยนชื่อในรัชสมัยที่ 4 จึงเป็นเพียงการทำให้ความหมายทางภาษาถูกต้องตามหลักการของพระองค์ แต่ความสำคัญและบทบาทของผู้ที่เคยถือราชทินนามนี้ก็ยังคงอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์
- ครั้งแรกที่ต่างชาติบันทึกถึง “สยาม” เมื่อ 500 ปีก่อน รู้ไหมว่าพวกเขาพูดถึงเราอย่างไร?
- เผยโฉม 10 ราชินี "อายุน้อยที่สุด" ในประวัติศาสตร์โลก อันดับ 2 เป็นพระมเหสีตั้งแต่ 6 ขวบ!
