เนื้อหาในหมวด ข่าว

เปิดคำที่สะกดด้วย \

เปิดคำที่สะกดด้วย "ฃ." ก่อนเลิกใช้ ไม่ใช่แค่ ฃำ-เฃียน-ฃยัน มีคำที่เราใช้พูดกันทุกวันด้วย!

ย้อนรอยพยัญชนะ ฃ ขอขวด: เคยใช้ในคำว่าอะไรบ้าง ทำไมถึงเลิกใช้

เปิดคำที่เคยสะกดด้วย "ฃ." ก่อนเลิกใช้ ไม่ใช่แค่ ฃำ - เฃียน - ฃยัน แต่มีคำที่เราใช้พูดกันทุกวัน!

แม้วันนี้คนส่วนใหญ่จะคุ้นกับพยัญชนะ ฃ ขอขวด แค่ในเพลงท่อง ก.ไก่ แต่ในอดีตพยัญชนะตัวนี้เคยถูกใช้จริงในเอกสารและจารึกหลายยุคสมัย ก่อนจะค่อยๆ หายไปจากระบบอักษรไทย เนื่องจากเหตุผลทางเสียงและเทคโนโลยีการพิมพ์ ปัจจุบันพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุสถานะของ ฃ ว่า “เลิกใช้แล้ว” แม้จะไม่มีประกาศกฎหมายอย่างเป็นทางการก็ตาม

พยัญชนะ ฃ ขอขวด คือใครในระบบอักษรไทย

ฃ ขอขวด เป็นพยัญชนะลำดับที่ 3 ในชุดพยัญชนะไทยแบบดั้งเดิม จัดอยู่ในกลุ่มอักษรสูง และในเอกสารเก่าบางฉบับมีการเรียกชื่อว่า “ขอเขตต์” ด้วย ซึ่งอาจสะท้อนร่องรอยของการใช้ในคำที่เกี่ยวข้องกับรากสันสกฤต แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าชื่อนี้ใช้แพร่หลายในยุคใด

ในช่วงที่ยังใช้งานอยู่ ฃ ขอขวด เคยทำหน้าที่แทนเสียงพยัญชนะต้นบางคำคู่กับ ข ไข่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสียงของ ฃ และ ข ในภาษาไทยกลางค่อยๆ กลืนเข้าหากันจนไม่ต่างกันในระบบเสียง ทำให้การมีพยัญชนะสองตัวแทนเสียงเดียวกันไม่จำเป็นอีกต่อไป

เหตุผลที่พยัญชนะ ฃ ขอขวด ค่อยๆ หายไป

นักภาษาศาสตร์อธิบายว่า การเลิกใช้ ฃ ขอขวด เกิดขึ้นจากสองปัจจัยหลักคือ

  • การกลืนเสียง: เสียงของ ฃ และ ข กลายเป็นเสียงเดียวกันในภาษาไทยกลาง
  • ข้อจำกัดทางเทคนิค: เมื่อมีการสร้างเครื่องพิมพ์ดีดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 แป้นอักษรมีจำนวนจำกัด จึงตัดอักษรที่ใช้น้อย เช่น ฃ และ ฅ ออกจากชุดพิมพ์เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้สระและวรรณยุกต์

จึงเป็นการ “เลิกใช้โดยพฤตินัย” ไม่ใช่โดยกฎหมายหรือพระราชบัญญัติใดๆ แต่เป็นผลจากการใช้งานจริงและความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการศึกษา

ที่มาของชื่อ “ฃ ขอขวด”

ชื่อ “ขวด” ที่ใช้เรียกพยัญชนะ ฃ ในเพลง ก-ฮ ไม่ได้หมายความว่าคำว่า “ขวด” เคยสะกดด้วย ฃ เพราะไม่มีหลักฐานทางเอกสารใดยืนยันเช่นนั้น ชื่อนี้ถูกกำหนดขึ้นภายหลังเพื่อช่วยให้เด็กจดจำได้ง่ายในการเรียนอักษรไทย

  • ชื่อเดิม: พบในบางเอกสารว่าเคยเรียก “ขอเขตต์” (สะกดตามรากศัพท์สันสกฤต “เขต”) แต่ไม่เป็นรูปแบบมาตรฐาน
  • ชื่อปัจจุบัน: “ขวด” ถูกเลือกเพื่อให้จังหวะของเพลง ก-ฮ สละสลวยและจดจำง่าย เช่น ก ไก่, ข ไข่, ฃ ขวด

คำที่เคยสะกดด้วย ฃ ขอขวด ในเอกสารเก่า

แม้ภาษาไทยมาตรฐานปัจจุบันจะไม่มีคำที่สะกดด้วย ฃ ขอขวด แต่ในเอกสารโบราณบางยุค เช่น ศิลาจารึกสมัยสุโขทัย และ อักขราภิธานศรับท์ ของหมอบรัดเลย์ (พ.ศ. 2416) มีตัวอย่างคำที่ใช้ ฃ แทน ข จริง โดยส่วนมากปรากฏในตำแหน่งพยัญชนะต้น ไม่พบในตำแหน่งตัวสะกด

ตัวอย่างจากศิลาจารึกสมัยสุโขทัย

จากการสำรวจเอกสารจารึก (ฐานข้อมูลโครงการจารึกในประเทศไทย โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร) พบว่า มีอักษรที่รูปคล้าย ฃ ปรากฏอยู่บ้าง เช่น เฃา (เขา), เฃ้า (เข้า), ฃึ้น (ขึ้น), แฃวน (แขวน) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นักอักษรศาสตร์บางท่านชี้ว่า รูปอักษรเหล่านี้อาจยังไม่แยกชัดจากรูป ข และเป็นการใช้สลับกันในช่วงอักษรไทยกำลังพัฒนา

ตัวอย่างจาก “นิติสารสาธก” และพจนานุกรมยุคแรก

ในสมัยรัชกาลที่ 5 หนังสือ นิติสารสาธก ของพระยาศรีสุนทรโวหาร และพจนานุกรม อักขราภิธานศรับท์ ของหมอบรัดเลย์ (พ.ศ. 2416) ยังพบคำที่ใช้ ฃ ขอขวด อยู่หลายคำ ตัวอย่างชุดหนึ่งที่ถูกยกมาบ่อย และพบในแหล่งข้อมูลรอง เช่น พจนานุกรมยุคต้นหรือบทความด้านภาษาไทย มีดังนี้:

คำที่ใช้ ฃ ในเอกสารเก่า รูปคำในปัจจุบัน แหล่งที่ปรากฏ ความหมายโดยประมาณ
ฃอ ขอ อักขราภิธานศรับท์ (พ.ศ. 2416) วิงวอน, ขอร้อง, ขออนุญาต
ฃัน ขัน อักขราภิธานศรับท์ ภาชนะ, เสียงหัวเราะขัน
ฃอง ของ อักขราภิธานศรับท์ สิ่งของ, ทรัพย์สิน
ฃำ ขำ อักขราภิธานศรับท์ ตลก, ขบขัน
ฃยัน ขยัน อักขราภิธานศรับท์ 勤勉 — ทำงานไม่ขี้เกียจ, มีความเพียร
เฃียน เขียน อักขราภิธานศรับท์ เขียนหนังสือ
เฃ้า เข้า ศิลาจารึกสุโขทัย, อักขราภิธานศรับท์ เข้าไป, เข้ามา, เข้าใจ
เฃา เขา ศิลาจารึกสุโขทัย ภูเขา, เขา (บุคคลที่สาม)
ฃึ้น ขึ้น ศิลาจารึกสุโขทัย ลุกขึ้น, ขึ้นไป
แฃวน แขวน ศิลาจารึกสุโขทัย ห้อย, แขวนไว้

คำในตารางทั้งหมดนี้มี “หลักฐานปรากฏจริง” ในเอกสารโบราณต้นฉบับ ทั้งจากจารึกสมัยสุโขทัยและพจนานุกรมยุคแรก ซึ่งสะท้อนว่า “ฃ ขอขวด” เคยมีบทบาทจริงในระบบอักษรไทย ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย “ข ไข่” ในสมัยต่อมา

  เส้นเวลา (Timeline) พัฒนาการของพยัญชนะ “ฃ ขอขวด”

ยุคสมัย เหตุการณ์สำคัญ หลักฐานที่เกี่ยวข้อง
พุทธศตวรรษที่ 19 (ราว ค.ศ. 1280–1300) ยุคสุโขทัยตอนต้น มีการประดิษฐ์อักษรไทยโดยพ่อขุนรามคำแหง ฃ ขอขวด ปรากฏในจารึกหลักที่ 1 ร่วมกับ ข ไข่ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง (หลักที่ 1)
สมัยอยุธยา รูปอักษรเริ่มมาตรฐานขึ้น เสียงของ ฃ และ ข กลืนเข้าหากัน พบการใช้สลับกันในเอกสาร เช่น พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน เอกสารกฎหมายและวรรณคดีอยุธยา
ต้นรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2325–2410) ยังพบการใช้ ฃ ในเอกสารและพจนานุกรมยุคแรก เช่น “นิติสารสาธก” แต่การใช้ลดลงในเอกสารราชการ นิติสารสาธก, เอกสารรัชกาลที่ 3–4
พ.ศ. 2416 หมอบรัดเลย์จัดพิมพ์ อักขราภิธานศรับท์ ซึ่งยังใช้ ฃ ขอขวด อยู่ในคำจำนวนมาก เช่น ฃอ, ฃัน, ฃอง, เฃียน, เฃ้า อักขราภิธานศรับท์ (พ.ศ. 2416)
ปลายรัชกาลที่ 5 (ราว พ.ศ. 2430–2450) เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยรุ่นแรกมีแป้นจำกัด จึงตัดอักษรที่ใช้น้อยออก เช่น ฃ และ ฅ ทำให้การใช้หายไปจากระบบการเรียนและการพิมพ์ ประวัติการประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดไทย
พุทธศตวรรษที่ 25–26 (พ.ศ. 2500–ปัจจุบัน) ราชบัณฑิตยสถานระบุสถานะ “ฃ ขอขวด” เป็น พยัญชนะที่เลิกใช้แล้ว แต่ยังคงอยู่ในลำดับ ก–ฮ เพื่อการศึกษา พบในแบบเรียนและเพลงท่องพยัญชนะเท่านั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน

ข้อสันนิษฐานทางสัทวิทยา

นักภาษาศาสตร์บางกลุ่มเสนอว่า ฃ เคยถูกใช้แทนเสียงกลุ่ม “กฺษ” (kṣ) ในคำยืมจากสันสกฤต เช่น “เฃตร” หรือ “เฃตต์” (ต่อมาคือ “เขต”) แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันมากพอ จึงถือว่าเป็นข้อเสนอเชิงสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์

ฃ ขอขวด ในวันนี้อยู่ในความทรงจำมากกว่าการใช้งาน

ปัจจุบัน พยัญชนะ ฃ ขอขวด ถูกจัดให้เป็น “พยัญชนะที่เลิกใช้แล้ว” ในภาษาไทยมาตรฐาน และแทบไม่ปรากฏในคำศัพท์หรือเอกสารราชการใดๆ แต่ยังคงปรากฏในเพลงท่อง ก–ฮ เพื่อสืบทอดความรู้ด้านอักษรไทยในเชิงประวัติศาสตร์

แม้ ฃ ขอขวด จะไม่ถูกใช้สะกดคำในชีวิตประจำวันอีกต่อไป แต่การศึกษาคำเก่า เช่น ฃอ, เฃียน, เฃ้า หรือคำในศิลาจารึกสุโขทัย ทำให้เราเห็นวิวัฒนาการของภาษาไทยอย่างมีชีวิต และตระหนักว่าภาษาก็เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาได้เสมอ

พยัญชนะ ฃ ขอขวด อาจไม่ปรากฏในชีวิตประจำวันอีกแล้ว แต่ยังเป็นร่องรอยทางภาษาไทยที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ของบรรพชน การศึกษาคำที่เคยมี “ฃ” อยู่ในนั้น ไม่เพียงทำให้เข้าใจภาษาไทยมากขึ้น แต่ยังเตือนใจให้เห็นว่า ภาษา — เช่นเดียวกับมนุษย์ — ย่อมเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปตามกาลเวลาเสมอ