"นมแพะ" กับ "นมวัว" อะไรมีสารอาหารมากกว่า? แต่ละอันเหมาะกับคนแบบใด?
“นม” เป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมสำคัญที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และผู้สูงอายุ
แต่ปัจจุบันนอกจาก นมวัว ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยแล้ว นมแพะ ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยการถูกยกให้เป็นทางเลือกใหม่ของคนที่แพ้นมวัว หรืออยากดูแลสุขภาพแบบลึกระดับลำไส้
มาดูกันว่า นมทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร? และแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง?
เปรียบเทียบสารอาหาร “นมแพะ” กับ “นมวัว”
ทั้งนมแพะและนมวัวมีสารอาหารหลักคล้ายกัน เช่น โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูก แต่มีความแตกต่างบางอย่างในรายละเอียดของโครงสร้างและการย่อย ดังนี้
- โปรตีน: นมแพะมีโปรตีนชนิดเคซีน (αS1-casein) ต่ำกว่านมวัว จึงย่อยง่ายและมีแนวโน้มก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่า เหมาะกับคนที่แพ้นมวัวแต่ไม่ใช่แพ้นมทุกชนิด
- ไขมัน: ไขมันในนมแพะมีขนาดเล็กกว่าและอยู่ในรูปของกรดไขมันสายสั้น (short-chain fatty acids) มากกว่า ทำให้ร่างกายย่อยและดูดซึมได้ง่ายกว่า
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส: ทั้งสองชนิดมีในปริมาณใกล้เคียงกัน แต่ในนมแพะมีแร่ธาตุบางชนิด เช่น แมกนีเซียมและโพแทสเซียม มากกว่าเล็กน้อย
- วิตามิน: นมวัวมีวิตามินบี 12 และกรดโฟลิกมากกว่า ขณะที่นมแพะมีวิตามินเอในรูปพร้อมใช้ (retinol) สูงกว่า
- น้ำตาลแลคโตส: นมแพะมีแลคโตสน้อยกว่านมวัวเล็กน้อย จึงอาจเหมาะกับคนที่มีภาวะย่อยแลคโตสได้ไม่สมบูรณ์
นมแต่ละชนิด เหมาะกับใครบ้าง?
นมวัว เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีภาวะแพ้โปรตีนนมวัวหรือย่อยแลคโตสไม่ได้ เป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมราคาย่อมเยา เหมาะกับวัยเด็ก วัยรุ่น และผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมมวลกระดูก
นมแพะ เหมาะกับผู้ที่มีอาการท้องอืดหรือแน่นท้องหลังดื่มนมวัว ผู้ที่มีปัญหาทางลำไส้ ระบบย่อย หรือผู้สูงอายุที่ย่อยยาก รวมถึงเด็กบางคนที่มีอาการแพ้นมวัวในระดับไม่รุนแรง (แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้โปรตีนนมทุกชนิด)
บทสรุป
นมวัวและนมแพะต่างมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งคู่ให้โปรตีน แคลเซียม และวิตามินที่ร่างกายต้องการ แต่ นมแพะจะย่อยง่ายกว่าและเหมาะกับคนที่มีระบบย่อยอาหารบอบบาง
ขณะที่ นมวัวเหมาะกับคนทั่วไปที่ไม่มีอาการแพ้ การเลือกดื่มควรพิจารณาตามสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละคน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการบริโภคนมในชีวิตประจำวัน