เนื้อหาในหมวด ข่าว

แพทย์ชะลอวัยเตือน! 4 สิ่งที่ควร \

แพทย์ชะลอวัยเตือน! 4 สิ่งที่ควร "กำจัด" ออกจากบ้านทันที ระเบิดเวลาทำลายสุขภาพเงียบๆ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เตือนให้กำจัด 4 ของใช้ในบ้าน ที่อาจกำลังบ่อนทำลายร่างกายจากภายในอย่างเงียบๆ

บ้านของคุณกำลังแฝงไปด้วยอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัวหรือไม่? แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ออกมาเตือนให้คุณกำจัด 4 ของใช้ในบ้านที่แสนธรรมดาเหล่านี้ออกไปทันที โดยชี้ว่ามันอาจกำลังบ่อนทำลายร่างกายของคุณจากภายในอย่างเงียบๆ

ดร. เชย์น เคดดี้ จาก Valor Wellness กล่าวผ่าน TikTok ว่า "หากคุณห่วงใยเรื่องฮอร์โมน การนอนหลับ หรือสุขภาพระยะยาวของคุณ สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าที่คุณคิด"

1. ถุงป๊อปคอร์นไมโครเวฟ

"ข้อนี้ทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าขนมขบเคี้ยว แต่ถุงเหล่านั้นเคลือบด้วยสารเคมีที่เรียกว่า PFAS" ดร. เคดดี้ กล่าว

สาร PFAS หรือที่เรียกว่า "สารเคมีตลอดกาล" (Forever Chemicals) จะไม่สลายไปตามธรรมชาติ และสามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายร้อยหรือหลายพันปี เมื่อถุงป๊อปคอร์นถูกความร้อน สารเคมีเหล่านี้จะซึมเข้าสู่อาหารและเข้าสู่ร่างกายของเราในที่สุด

งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า คนที่กินป๊อปคอร์นไมโครเวฟทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปี มีระดับ PFAS ในร่างกายสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 63% สารเหล่านี้เชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น คอเลสเตอรอลสูง, ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล, ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ, มะเร็งบางชนิด และภาวะมีบุตรยาก

ดร. เคดดี้ แนะนำว่า "ควรหันไปใช้เครื่องทำป๊อปคอร์นแบบลมร้อน หรือทำป๊อปคอร์นบนเตาด้วยน้ำมันมะพร้าวและเกลือเล็กน้อยเหมือนที่คุณย่าคุณยายเคยทำ"

2. เทียนหอม

"คนส่วนใหญ่คิดว่ามันไม่เป็นอันตราย" ดร. เคดดี้ กล่าว "แต่เมื่อคุณจุดมัน เทียนหอมจะปล่อยสารเคมี เช่น เบนซีน (Benzene) และฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ซึ่งเรารู้กันดีว่าเป็นพิษเมื่อสูดดมเป็นเวลานาน"

เบนซีน เป็นสารก่อมะเร็งที่เชื่อมโยงกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วนฟอร์มาลดีไฮด์ก็อันตรายไม่แพ้กัน การสัมผัสในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา จมูก และลำคอ และอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด

แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า การสัมผัสในระดับต่ำๆ นี้อันตรายพอที่จะต้องเลิกใช้เทียนหอมโดยสิ้นเชิงหรือไม่ แต่ ดร. เคดดี้ แนะนำว่าการป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า

3. น้ำหอมปรับอากาศ

"ไม่ว่าจะเป็นแบบเสียบปลั๊ก กระป๋องสเปรย์ หรือน้ำหอมในรถ สิ่งเหล่านี้ปล่อยสารเคมีสังเคราะห์ออกมาเป็นค็อกเทล ซึ่งบางชนิดถูกแบนไปแล้วในประเทศอื่น" ดร. เคดดี้ กล่าว

ในบรรดาสารเคมีเหล่านั้นมี Lilial ซึ่งเป็นสารให้ความหอมที่ถูกแบนในสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ แต่ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐฯ รวมถึง HICC สารสังเคราะห์ที่ถูกห้ามในยุโรปเพราะกระตุ้นการแพ้ที่ผิวหนัง

แม้จะได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อย สารเคมีเหล่านี้ก็เชื่อมโยงกับอาการไมเกรน, โรคหอบหืด, ปัญหาการหายใจ, การระคายเคืองผิวหนัง และปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท

4. แสงสว่างจากหลอดไฟในเวลากลางคืน

ข้อสุดท้ายนี้ไม่เกี่ยวกับสารพิษ แต่เกี่ยวกับนาฬิการ่างกาย หรือจังหวะเซอร์คาเดียน (Circadian rhythm) ซึ่งเป็นวงจร 24 ชั่วโมงที่ควบคุมการนอนหลับ การตื่น การหลั่งฮอร์โมน และอุณหภูมิร่างกาย

ดร. เคดดี้ อธิบายว่า แสงไฟ LED โทนสีเย็น (สีขาวอมฟ้า) จะบอกสมองของคุณว่ายังเป็นเวลากลางวัน ซึ่งจะไประงับการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ที่ช่วยในการนอนหลับ

งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การสัมผัสแสงสีฟ้าจะระงับเมลาโทนินนานเป็นสองเท่าของแสงสีเขียว และทำให้นาฬิกาชีวิตรวนมากกว่าถึงสองเท่า

การสัมผัสแสงสีฟ้าเรื้อรังยังอาจเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ เช่น เบาหวานชนิดที่ 2, ปัญหาหัวใจ, โรคอ้วน และมะเร็งบางชนิด แพทย์จึงแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้หลอดไฟโทนสีอบอุ่น (Warm tone) ในช่วงเวลากลางคืนแทน