คลิปสัตว์ AI ระบาดทั่วโซเชียล นักวิจัยเตือน "ภัยเงียบ" ทำร้ายทั้งคนและสัตว์
คลิปสัตว์ AI ระบาดทั่วโซเชียล นักวิจัยเตือน "ทำร้าย" ทั้งคนและสัตว์
โลกออนไลน์กำลังเต็มไปด้วยคลิปสัตว์สุดน่ารักที่สร้างขึ้นด้วย AI — ตั้งแต่กระต่ายกระโดดบนแทรมโพลีน ไปจนถึงหมีขั้วโลกเล่นกับแมว แต่เบื้องหลังความน่ารักเหล่านี้ อาจกำลัง “ทำร้ายธรรมชาติ” อย่างไม่รู้ตัว
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Conservation Biology เตือนว่า คลิปสัตว์ที่สร้างขึ้นด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังบิดเบือนความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมและระบบนิเวศของสัตว์ป่า ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความพยายามด้านอนุรักษ์ในระยะยาว
ภาพสัตว์ “ที่ไม่เคยมีอยู่จริง”
ดร.โฮเซ เกร์เรโร (José Guerrero) จากมหาวิทยาลัยคอร์โดบา ประเทศสเปน กล่าวกับ Phys.org ว่า “คลิปเหล่านี้สะท้อนลักษณะ พฤติกรรม หรือความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์ต่างชนิดที่ไม่เป็นจริงในธรรมชาติเลย”
ทีมวิจัยได้วิเคราะห์คลิปสัตว์ปลอมจำนวนมากที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ หนึ่งในคลิปที่มียอดชมหลายร้อยล้านครั้ง คือภาพ “แรคคูนหลายสิบตัวกระโดดบนแทรมโพลีนพร้อมกัน” ซึ่งแม้จะดูสมจริง แต่พื้นหลังที่คงที่และแรคคูนบางตัวที่ “หายไปกลางอากาศ” เป็นหลักฐานชัดว่าเป็นภาพที่สร้างด้วย AI

เมื่อความน่ารักกลายเป็นภาพลวงตา
อีกแนวโน้มหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือคลิปสัตว์ต่างชนิดอยู่ร่วมกันอย่าง “กลมกลืน” เช่น หมีขั้วโลกเล่นกับแมว หรือสัตว์นักล่ากับเหยื่อเล่นด้วยกันอย่างเพื่อนสนิท ซึ่งดูน่ารักแต่นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า “มันบิดเบือนความจริงของธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง”
เกร์เรโรอธิบายว่า “การเห็นคลิปเด็กเล่นกับเสือดาวในสนามหญ้า หรือแมวขี่หลังหมาป่า เป็นภาพที่ทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่า และลดคุณค่าของการอนุรักษ์ เพราะสถานการณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริงในธรรมชาติ”
เด็กเข้าใจผิดเรื่องสัตว์ท้องถิ่น
รอซิโอ เซอร์ราโน หนึ่งในผู้ร่วมวิจัยเสริมว่า ปัญหานี้รุนแรงเป็นพิเศษในกลุ่มเด็กประถม ที่เริ่มเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่าข้อเท็จจริง “เด็กจำนวนมากเริ่มเข้าใจผิดว่าประเทศของตนมีสัตว์หายากบางชนิด ทั้งที่มันไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่นเลย” เธอกล่าว
นอกจากนี้ การเห็นสัตว์หายากปรากฏบ่อยในคลิป AI ยังทำให้คนเข้าใจว่าสัตว์เหล่านั้น “มีอยู่ทั่วไป” ส่งผลให้ความรู้สึกเร่งด่วนในการอนุรักษ์ลดลง
ผลข้างเคียง: การค้าสัตว์แปลกเพิ่มขึ้น
ทามารา มูริโย หนึ่งในผู้เขียนงานวิจัย ระบุว่า เด็กหรือผู้ชมบางคนอาจอยาก “เลี้ยงสัตว์ในคลิป” ทำให้ความต้องการสัตว์หายากในตลาดมืดเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ “การค้าสัตว์ป่า” ขยายตัวมากขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
องค์กร Wild Welfare เตือนว่า คลิป AI ที่แสดงภาพคนกอดเสือ หรือขี่โลมาในทะเล อาจกระตุ้นให้บางคนอยากลองทำตามในชีวิตจริง ทั้งที่เบื้องหลังของกิจกรรมเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับการทรมานสัตว์ เช่น การตี ฝึกแบบกักขัง และใช้งานหนักตลอดชีวิต
ไม่เพียงแต่สัตว์ที่เสี่ยง – มนุษย์ก็อาจตกอยู่ในอันตราย
เจนนี เวอร์มิลยา นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ กล่าวว่า “การนำเสนอสัตว์อันตรายให้ดูน่ารักเกินจริง เช่น หมี หรือหมาป่า อาจทำให้คนอยากเข้าใกล้ในธรรมชาติ ซึ่งมีประวัติว่าเคยนำไปสู่เหตุการณ์โจมตีหลายครั้งในเทือกเขาร็อกกี”
นักวิทยาศาสตร์เสนอให้สอน “รู้เท่าทันสื่อ” ตั้งแต่เด็ก
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทีมวิจัยเสนอให้เพิ่มหลักสูตร “ความเข้าใจสื่อและสิ่งแวดล้อม” ในโรงเรียน เพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้ตั้งแต่ต้นว่า “สัตว์บางชนิดไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศของตน” และเข้าใจความแตกต่างระหว่างสัตว์จริงกับภาพที่สร้างขึ้น
AI: ภัยเงียบที่มากกว่าแค่ภาพสัตว์
นอกจากเรื่องสัตว์แล้ว เทคโนโลยี AI ยังถูกนำมาใช้สร้างภาพบุคคลปลอมในลักษณะ “Deepfake” มากขึ้น ล่าสุด OpenAI ต้องออกมาควบคุมการใช้งานเครื่องมือสร้างวิดีโอ Sora 2 หลังมีผู้ร้องเรียนว่า มีการสร้างคลิปที่แสดงภาพ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในลักษณะไม่เหมาะสม
สรุป
แม้คลิปสัตว์จาก AI จะดูน่ารักและชวนยิ้ม แต่ความน่าเชื่อถือที่มากเกินไปกำลังสร้าง “โลกธรรมชาติจำลอง” ที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิด ทั้งในแง่พฤติกรรมสัตว์ การอนุรักษ์ และความปลอดภัยของตนเอง ทางออกคือการรู้เท่าทันสื่อ และแยกแยะระหว่างสิ่งที่ “เห็น” กับสิ่งที่ “เป็นจริง” ก่อนที่ความน่ารักปลอม ๆ จะกลายเป็นภัยต่อชีวิตจริงของสัตว์และมนุษย์