มีทุกตลาด! 5 ผักตามฤดูกาล "ปลอดสารเคมี-กินดี" ที่ควรกินบ่อยๆ ในช่วงเปลี่ยนฤดู
5 ผักตามฤดูกาล “ปลอดสารเคมี-กินดี” ที่ควรกินบ่อยๆ ในช่วงเปลี่ยนฤดู
แม้ผักจะเป็นอาหารสุขภาพที่ขาดไม่ได้ แต่ในช่วงฤดูเปลี่ยนผ่าน ผักหลายชนิดในตลาดกลับเต็มไปด้วยสารเคมีตกค้างจากการเร่งการเจริญเติบโตและป้องกันศัตรูพืช อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชี้ว่า การเลือกกินผักตามฤดูกาลคือทางออกที่ดีที่สุด เพราะผักจะเติบโตในสภาพอากาศที่เหมาะสมตามธรรมชาติ มีรสชาติดี ปลอดภัย และใช้ยาน้อยกว่า
ดร. เหงียน ถิ มิงห์ แฮง นักโภชนาการจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม อธิบายว่า การกินผักตามฤดูกาลช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น บทความนี้แนะนำ 5 ผักและพืชหัวที่ควรกินในช่วงปลายฝนต้นหนาว ซึ่งทั้งปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

1. กระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียวมีลักษณะเป็นฝักยาว เนื้อในมีเมือกธรรมชาติซึ่งประกอบด้วยสาร pectin และ polysaccharides ช่วยหล่อลื่นระบบทางเดินอาหาร ลดอาการท้องผูก และช่วยซ่อมแซมเยื่อบุลำไส้ เมือกเหล่านี้ยังเป็นเกราะธรรมชาติของต้นไม้ ทำให้กระเจี๊ยบเขียวแทบไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง
ผักชนิดนี้อุดมด้วยวิตามิน C โพแทสเซียม ไฟเบอร์ และโฟเลต เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวาน เพราะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กินสดหรือลวกเบา ๆ ก็ได้ประโยชน์เต็มที่
2. กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีเป็นผักที่ปลูกง่ายและทนทาน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงที่รสชาติหวานกรอบที่สุด ลักษณะใบที่ซ้อนกันแน่นช่วยป้องกันแมลงได้ตามธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงมากนัก เพียงแกะใบชั้นนอกออก ส่วนในก็สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย
กะหล่ำปลีมีวิตามิน K C และไฟเบอร์สูง อีกทั้งยังมีสาร sulforaphane ที่ช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผิวพรรณและข้อกระดูก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงและผู้สูงอายุ

3. หัวไชเท้า
คำกล่าวที่ว่า “หัวไชเท้าเดือนสิบอร่อยเท่ารังนก” ไม่ได้เกินจริง เพราะหัวไชเท้าในช่วงอากาศเย็นจะมีรสหวาน กรอบ และอุดมด้วยน้ำตามธรรมชาติ หัวไชเท้าขาวหรือแดงล้วนมีฤทธิ์ช่วยขับลม กระตุ้นการย่อย และล้างสารพิษออกจากร่างกาย
เนื่องจากหัวไชเท้าเติบโตอยู่ใต้ดิน จึงไม่ค่อยโดนแมลงรบกวนและแทบไม่ต้องใช้สารเคมีตกค้าง หัวไชเท้ายังเป็นแหล่งของวิตามิน C โพแทสเซียม และไฟเบอร์ ที่ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล จึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลหัวใจและระบบย่อยอาหาร

4. เผือก
เผือกเป็นพืชหัวที่มีผิวขรุขระและมีขนปกคลุม เมื่อปอกและต้มแล้วจะได้เนื้อเนียนนุ่ม หอม และมัน เหมาะกับการนำไปทำอาหารคาวหรือขนมหวาน เผือกปลอดภัยเพราะเติบโตอยู่ใต้ดินและไม่ค่อยมีศัตรูพืช
ในเชิงโภชนาการ เผือกอุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไฟเบอร์ แมงกานีส และวิตามิน E ช่วยเพิ่มพลังงาน ดูแลระบบขับถ่าย และบำรุงผิว นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปรับสมดุลระบบลำไส้ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีแทนข้าวขาวสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก

5. ผักโขม (Spinach)
ผักโขมหรือ Spinach เป็นผักใบเขียวที่ให้สารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง ใบจะอ่อนและมีรสหวานกว่าในช่วงฤดูร้อน ผักโขมที่ผ่านน้ำค้างแรกของปีจะยิ่งมีรสชาติดีและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักโขมมีธาตุเหล็ก โฟเลต วิตามิน A C K และแมกนีเซียม ช่วยบำรุงเลือด เสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังเติบโตเร็วและแทบไม่ต้องพ่นยา เพียงล้างให้สะอาดแล้วลวกน้ำร้อนก่อนรับประทาน ก็ปลอดภัยและได้คุณค่าสูงสุด
สรุป
ผักตามฤดูกาลอย่างกระเจี๊ยบเขียว กะหล่ำปลี หัวไชเท้า เผือก และผักโขม เป็นทางเลือกที่ดีทั้งในด้านความปลอดภัยและโภชนาการ เพราะใช้ยาฆ่าแมลงน้อย มีสารอาหารสูง และเหมาะกับสภาพอากาศช่วงเปลี่ยนฤดู ใครที่อยากดูแลสุขภาพและลดการรับสารเคมี ควรเพิ่มผักเหล่านี้ในมื้ออาหารเป็นประจำ