เนื้อหาในหมวด ข่าว

ไขความลับ: ตากระตุก \

ไขความลับ: ตากระตุก "ขวาร้าย ซ้ายดี" เป็นแค่เรื่องงมงายหรือวิทยาศาสตร์?

ตากระตุก คืออะไร? คำโบราณ “ขวาร้าย ซ้ายดี” จริงไหม? พร้อมสาเหตุและวิธีดูแลเมื่อเกิดอาการ

หลายคนคงเคยได้ยินคำโบราณที่ว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” ซึ่งเป็นความเชื่อของคนไทยมาช้านาน ว่าหากตาขวากระตุกอาจเกิดเรื่องไม่ดี แต่ถ้าตาซ้ายกระตุกจะมีโชคหรือได้รับข่าวดี

อย่างไรก็ตาม แพทย์มองว่าอาการ “ตากระตุก” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโชคลางหรือดวง แต่เกิดจากสาเหตุทางกายภาพที่สามารถอธิบายได้ชัดเจน เช่น ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือโรคเกี่ยวกับดวงตา

มาทำความเข้าใจให้ถูกต้องกันว่า ตากระตุกจริงๆแล้วเกิดจากอะไร? และเมื่อไรควรไปพบแพทย์?

what

ตากระตุกคืออะไร?

อาการตากระตุก เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบดวงตาโดยไม่ตั้งใจ มักเริ่มจากการกระตุกเล็กๆ แล้วหายไปเองในเวลาไม่นาน แต่บางรายอาจเป็นบ่อยจนรบกวนการมองเห็น หรือทำให้ตาปิดได้ชั่วคราว

ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ไม่ได้มีความหมายทางโชคลางแต่อย่างใด

ที่มาของคำว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี”

คนไทยในอดีตเชื่อว่าการกระตุกของดวงตาเป็นลางบอกเหตุ เช่น หากตาขวากระตุกจะมีเหตุร้ายหรือได้รับข่าวร้าย แต่หากตาซ้ายกระตุกจะได้รับข่าวดี มีโชคลาภ หรือมีคนมาเยี่ยม

ความเชื่อนี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้สังเกตสิ่งผิดปกติของร่างกาย และเชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน ซึ่งในปัจจุบัน ความเชื่อนี้ยังคงพบได้ทั่วไปในสังคมไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด

woman-rubbing-eyes-eye-twitch

ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดตากระตุก

อาการตากระตุกมักเกิดจากปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง เช่น

- พักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออดนอนบ่อย

- เครียดหรือวิตกกังวลเป็นเวลานาน

- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป

- สูบบุหรี่จัด หรือสัมผัสควันบุหรี่บ่อย

- ตาแห้ง ตาล้า จากการใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นเวลานาน

- การระคายเคืองจากฝุ่น มลพิษ หรือแสงจ้า

- ขาดวิตามินบี แร่ธาตุ และสารอาหารบางชนิด

- ผลข้างเคียงจากยาบางประเภท เช่น ยาต้านซึมเศร้า หรือยารักษาโรคภูมิแพ้

de-ce-se-zbate-pleoapa-scaled

อาการที่พบได้

- เปลือกตากระตุกหรือกะพริบถี่ขึ้น อาจเกิดข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง

- อาการรุนแรงอาจทำให้ลืมตาไม่ได้ หรือเปลือกตาปิดเองโดยไม่รู้ตัว

- ในบางกรณีอาจมีตาแดง บวม หรือน้ำตาไหลร่วมด้วย

เมื่อไรควรไปพบแพทย์?

ส่วนใหญ่ตากระตุกจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน แต่หากมีอาการต่อไปนี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ

- ตากระตุกติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์

- ตากระตุกแล้วเปลือกตาปิดสนิททันที

- อาการกระจายไปยังส่วนอื่นของใบหน้า เช่น มุมปาก แก้ม หรือคาง

- มีอาการอ่อนแรงร่วมกับการกระตุก

- ดวงตามีอาการบวม แดง หรือมีหนองไหลออกมา

- เปลือกตาบนหย่อนลงมาจนบดบังการมองเห็น

shutterstock_163010027-1024x6

วิธีดูแลและป้องกันเบื้องต้น

- นอนหลับให้เพียงพอ และพักสายตาเป็นระยะขณะทำงานหน้าจอ

- ลดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่

- ใช้น้ำอุ่นประคบดวงตาวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา

- ใช้ยาหยอดตาหรือผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้น หากมีอาการตาแห้ง

- ผ่อนคลายความเครียด เช่น เดินเล่น ฟังเพลง หรือทำสมาธิ

- หากใช้ยาอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ว่ามีผลข้างเคียงเกี่ยวกับดวงตาหรือไม่

บทสรุป

แม้คำโบราณอย่าง “ขวาร้าย ซ้ายดี” จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย แต่ในทางการแพทย์ ตากระตุก เป็นเพียงการหดเกร็งของกล้ามเนื้อที่อาจเกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือภาวะตาแห้งเท่านั้น

หากอาการเกิดบ่อยหรือไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการดูแลอย่างถูกต้องต่อไป

ชายวัย 23 ปี ตื่นมาตากระตุก หน้าเป็นอัมพาต แพทย์ชี้นิสัยการใช้แอร์คือต้นเหตุ

ชายวัย 23 ปี ตื่นมาตากระตุก หน้าเป็นอัมพาต แพทย์ชี้นิสัยการใช้แอร์คือต้นเหตุ

ชายจีนวัย 23 ปี ตื่นมาตากระตุก หน้าเป็นอัมพาต รักษาอยู่ 20 วันกว่าจะดีขึ้น หมอเตือนเลิกได้เลิก นิสัยการใช้แอร์แบบนี้