เนื้อหาในหมวด ข่าว

2 ใบไม้สู้ \

2 ใบไม้สู้ "โรคเกาต์" ช่วยขับกรดยูริก ผักพื้นบ้านประโยชน์มหาศาล ปลูกง่ายขายไม่แพง

2 ใบไม้สู้ "โรคเกาต์" ช่วยขับกรดยูริก ผักพื้นบ้านประโยชน์มหาศาล ปลูกง่ายขายไม่แพง 

เมื่อพูดถึงโรคเกาต์ หรือภาวะกรดยูริกสูง หลายคนมักนึกถึงการงดเนื้อแดง เครื่องในสัตว์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ทราบหรือไม่ว่า ใบโหระพา และ ใบชิโซะ ซึ่งเป็นผักที่หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง ก็มีส่วนช่วยสนับสนุนการขับกรดยูริกออกจากร่างกายได้อย่างน่าทึ่ง

  • ใบชิโสะ (ใบงาขี้ม่อน)

วารสาร Journal of Ethnopharmacology (สหราชอาณาจักร) ระบุว่า สารสกัดจากใบชิโสะมีสารออกฤทธิ์สำคัญอย่าง กรดโรสมารินิก (rosmarinic acid) และฟลาโวนอยด์ตามธรรมชาติ สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยยับยั้งเอนไซม์ แซนทีนออกซิเดส (xanthine oxidase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีส่วนร่วมในการผลิตกรดยูริกในร่างกาย

การเพิ่มใบชิโสะในมื้ออาหาร จึงสามารถช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือดตามกลไกธรรมชาติได้ นายแพทย์ วิลเลียม หลี (William Li) ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการในสหรัฐฯ กล่าวว่า พืชอย่างใบชิโสะไม่เพียงช่วยควบคุมกรดยูริก แต่ยังช่วยต้านการอักเสบ และปกป้องหลอดเลือด ตับ และไตอีกด้วย

วิธีที่นิยมใช้คือการต้มน้ำดื่ม โดยใช้ใบสดประมาณ 10-15 ใบ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 300 มล. เป็นเวลา 10 นาที แล้วดื่มอุ่นๆ ทุกวัน อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังคือไม่ควรใช้มากเกินไป โดยเฉพาะกับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ และห้ามใช้ร่วมกับยาหรือสมุนไพรอื่นตามอำเภอใจ เพราะอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาได้

  • โหระพา 

ตามศาสตร์การแพทย์แผนตะวันออก โหระพามีรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น มีกลิ่นหอม ช่วยขับปัสสาวะ ขับสารพิษ กระตุ้นการย่อยอาหาร และลดการอักเสบ คุณสมบัติอุ่นของโหระพาช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น และลดอาการปวดเมื่อยตามข้อ

ในทางการวิจัยสมัยใหม่ โหระพามีสารประกอบล้ำค่ามากมาย เช่น ฟลาโวนอยด์, ยูจีนอล (eugenol), ลูทีโอลิน (luteolin) และกรดโรสมารินิก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายระหว่างกระบวนการเผาผลาญพิวรีน ซึ่งเป็นสาเหตุของการก่อตัวของกรดยูริก

การศึกษาชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย Burdwan (อินเดีย) พบว่า สาร ยูจีนอล (eugenol) ในใบโหระพาสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์แซนทีนออกซิเดสได้เช่นกัน เมื่อเอนไซม์นี้ถูกยับยั้ง ปริมาณกรดยูริกที่ผลิตขึ้นจะลดลงอย่างมาก จึงช่วยจำกัดความเสี่ยงของภาวะกรดยูริกในเลือดสูง

นอกจากนี้ การวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์เภสัชกรรมแห่งอินโดนีเซียยังระบุด้วยว่า สารสกัดจากใบโหระพาช่วยเพิ่มความสามารถในการกรองของไต และสนับสนุนการขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ

ข้อควรระวังและการใช้ร่วมกับการรักษาโรคเกาต์

  • โหระพาและใบชิโสะเป็นเพียง “ตัวช่วยเสริม” ไม่สามารถใช้แทนยารักษาโรคเกาต์หรือยาลดกรดยูริกที่แพทย์สั่งได้
  • ผู้ที่ทานยาโรคเกาต์ ยาขับปัสสาวะ ยาละลายลิ่มเลือด หรือมียาประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้สมุนไพรควบคู่
  • หากมีอาการปวดข้อรุนแรง ข้อบวมแดง มีไข้ หรือปวดซ้ำบ่อย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ไม่ควรพึ่งแต่สมุนไพรอย่างเดียว
  • ผู้ที่แพ้พืชตระกูลใบหอม (เช่น โหระพา กะเพรา สะระแหน่) ควรหลีกเลี่ยง

ดูแลกรดยูริกให้สมดุล ต้องไม่ลืมเรื่องอาหารและไลฟ์สไตล์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและโภชนาการเน้นตรงกันว่า การใช้โหระพาหรือใบชิโสะจะได้ผลดีขึ้นเมื่อทำควบคู่กับการดูแลตัวเองด้านอื่น ๆ ได้แก่:

    • ลดอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ เนื้อแดงบางชนิด อาหารทะเลบางประเภท
    • จำกัดหรือหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม
    • ดื่มน้ำสะอาดวันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยให้ไตขับกรดยูริกได้ดีขึ้น
    • ควบคุมน้ำหนักตัว และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเกี่ยวข้องกับกรดยูริกสูง

สรุป

โหระพาและใบชิโสะแม้จะเป็นแค่ผักเคียงในจานอาหาร แต่จากข้อมูลทั้งในเชิงภูมิปัญญาพื้นบ้านและงานวิจัยสมัยใหม่ต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า พืชทั้งสองชนิดนี้มีศักยภาพช่วยต้านอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดระดับกรดยูริกได้ เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการรักษาที่เหมาะสม จึงถือเป็น “ตัวช่วยราคาหลักสิบ” ที่น่าหยิบมาใส่จานบ่อยขึ้นสำหรับคนที่ห่วงใยสุขภาพข้อและไตของตัวเอง