นักโภชนาการยืนยัน อาหารแค่ 2 ชนิดเท่านั้น ที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง ไม่ใช่น้ำตาล
นักโภชนาการยืนยัน อาหารแค่ 2 ชนิดเท่านั้น ที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งโดยตรง น้ำตาลไม่ใช่หนึ่งในนั้น
นิโคล แอนดรูว์ส นักกำหนดอาหารและผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการโรคมะเร็ง ได้ออกมาให้ข้อมูลเพื่อคลายความกังวลว่า "แม้ทุกคนจะบอกว่าทุกอย่างที่คุณกินกำลังเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง แต่มันไม่จริง"
นิโคล ซึ่งให้การสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากมะเร็งหลายพันคนผ่านการคุมอาหาร กล่าวว่า มีอาหารเพียง 2 ชนิดเท่านั้นที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งของคุณโดยตรง
2 อาหารที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งโดยตรง
อาหาร 2 กลุ่มที่ นิโคล แอนดรูว์ส ระบุว่าเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งอย่างชัดเจน ได้แก่:
1. แอลกอฮอล์ (Alcohol)
นิโคลยืนยันว่าแอลกอฮอล์ในที่นี้หมายรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ "ทุกชนิด" รวมถึงไวน์แดงที่มักถูกอ้างว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย
สาเหตุเป็นเพราะ เอทานอล (Ethanol) ในแอลกอฮอล์จัดเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งในช่องปาก ลำคอ และกระเพาะอาหาร
เธอย้ำว่าวิธีลดความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการลดการดื่ม "การไม่ดื่มเลย (Zero) คือดีที่สุด การบริโภคแอลกอฮอล์ทุกชนิดและทุกปริมาณจะเพิ่มความเสี่ยงของคุณ ดังนั้นการลดปริมาณลงเพียงเล็กน้อยก็ถือเป็นการลดความเสี่ยงมะเร็งแล้ว"

2. เนื้อสัตว์แปรรูป (Processed Meats)
เนื้อสัตว์แปรรูปคือ "ฮอทดอก เดลี่มีท (เช่น แฮม โบโลน่า) ไส้กรอก เบคอน" หรือสิ่งต่างๆ ที่ถูกแปรรูปเพื่อถนอมอาหารให้อยู่ในตู้เย็นได้นาน หรือที่ปรุงสุกพร้อมทานจากร้านค้า
นิโคลแนะนำให้ลดการบริโภคเนื้อสัตว์กลุ่มนี้ โดยเปลี่ยนมา "เลือกเนื้อสัตว์ดิบ (Raw meats) มาใช้ทำอาหารที่บ้านมากขึ้น ใช้เนื้อสัตว์สดในการทำแซนด์วิช หรือทำไส้กรอกเอง แทนการใช้ของที่ปรุงสุกมาแล้ว"

ความจริงเกี่ยวกับ "น้ำตาล" กับมะเร็ง
ในประเด็นที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับน้ำตาล นิโคลได้ชี้แจงในฐานะนักกำหนดอาหารด้านมะเร็งว่า "น้ำตาลเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็ง หรือทำให้มะเร็งโตเร็วขึ้น"
เธอกล่าวว่า "หากคุณกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง คุณอาจจะได้รับแคลอรีส่วนเกิน... และจะทำให้น้ำหนักเพิ่ม เกิดการสะสมของเนื้อเยื่อไขมัน และเนื้อเยื่อไขมันต่างหากที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง"
น้ำตาลไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็งโดยตรง เซลล์ทั้งหมดในร่างกาย (รวมถึงเซลล์ปกติ) ก็ใช้กลูโคสเป็นพลังงาน การตัดน้ำตาลจึงไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการ "อดอาหาร" เซลล์มะเร็ง
สิ่งที่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็งจริงๆ คือ เนื้อเยื่อไขมันส่วนเกิน ซึ่งผลิตฮอร์โมนที่ก่อการอักเสบและส่งเสริมการเติบโตของเนื้องอก ดังนั้น การกินน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะนั้นทำได้
ผู้เชี่ยวชาญและ WHO ยืนยันความเสี่ยง
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับองค์กรวิจัยมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร (Cancer Research UK) ที่ระบุว่า "เรารู้แน่ชัดว่าเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นสาเหตุของมะเร็ง เรามั่นใจในความเชื่อมโยงนี้เช่นเดียวกับที่เรามั่นใจในสาเหตุอื่นที่พิสูจน์แล้ว เช่น ยาสูบและแอลกอฮอล์"
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดประเภททั้งแอลกอฮอล์และเนื้อสัตว์แปรรูปให้อยู่ใน กลุ่ม 1 (Group 1 carcinogens) ซึ่งหมายถึง "สารก่อมะเร็งในมนุษย์" เช่นเดียวกับยาสูบและแร่ใยหิน แม้ว่าระดับความอันตรายจะไม่เท่ากันก็ตาม
WHO ระบุว่า แอลกอฮอล์ไม่มีปริมาณที่ปลอดภัยในการดื่ม แม้แต่การดื่มในระดับ "เบา" หรือ "ปานกลาง" ก็พบว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งหลายชนิด ส่วนเนื้อสัตว์แปรรูปนั้น มีสารเคมี เช่น ไนเตรตและไนไตรต์ ที่ใช้ถนอมอาหาร ซึ่งสามารถทำลายเซลล์เยื่อบุลำไส้และนำไปสู่มะเร็งลำไส้ได้
สรุป: โฟกัสที่ความเสี่ยงจริง
นิโคลย้ำว่าความเสี่ยงที่แท้จริงคือแอลกอฮอล์และเนื้อสัตว์แปรรูป ส่วนอาหารอื่น เช่น น้ำมันพืช ไดเอทโค้ก แอสปาร์แตม หรือน้ำตาล ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งโดยตรง
สิ่งสำคัญคือการมุ่งเน้นไปที่การลดเนื้อเยื่อไขมัน โดยการรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และสร้างกล้ามเนื้อ แม้ว่าน้ำหนักจะไม่ลดลง แต่การปรับปรุงองค์ประกอบของร่างกายก็ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้