เนื้อสัตว์ 1 ชนิดที่ถูกมองในแง่ร้าย ฉายา "ไก่แห่งท้องทะเล" โปรตีนสูงกว่าไข่

14/11/2025 (07:35 น.)

13 ความจริงเกี่ยวกับ "ทูน่ากระป๋อง" ลบล้างความเชื่อผิดๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้

ทูน่ากระป๋อง เป็นวัตถุดิบสามัญประจำบ้านที่หลายคนมีติดครัวไว้ เพราะสะดวกและนำไปทำเมนูได้หลากหลาย จนได้รับฉายาว่าเป็น "ไก่แห่งท้องทะเล" แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความเข้าใจผิดแพร่หลายอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ ความปลอดภัย หรือสารปนเปื้อน

บางคนกังวลจนไม่กล้ากิน หรือมองว่าเป็นอาหารคุณภาพต่ำ บทความนี้จะพาไปไขข้อข้องใจ ลบล้างความเชื่อผิดๆ และเจาะลึกประโยชน์ของทูน่ากระป๋องที่มีดีมากกว่าที่คุณคิด เพื่อให้คุณทานได้อย่างมั่นใจและอร่อยยิ่งขึ้น

13 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับทูน่ากระป๋องที่ต้องรู้

1. ความเชื่อ: ทูน่ากระป๋องมีสารอาหารน้อยกว่าปลาสด

หลายคนมองว่าอาหารกระป๋องคืออาหารแปรรูปที่ด้อยคุณค่า แต่ความจริงแล้วทูน่ากระป๋องยังคงอุดมไปด้วยประโยชน์ ทูน่าในน้ำแร่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 (DHA) สูง ซึ่งดีต่อสมองและสายตา การบรรจุกระป๋องมักทำในช่วงที่ปลาสดใหม่ที่สุด ทำให้สารอาหารยังคงอยู่ครบถ้วน เป็นทางเลือกสุขภาพที่เข้าถึงง่าย

2. ความเชื่อ: เต็มไปด้วยสารกันบูดและสารเคมี

กระบวนการผลิตทูน่ากระป๋องจริงๆ แล้วคือการนำปลามาทำให้สุก เลาะก้างและหนังออก บรรจุลงกระป๋องพร้อมน้ำเกลือ น้ำแร่ หรือน้ำมัน แล้วซีลสูญญากาศก่อนนำไปผ่านความร้อนสูงเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย วิธีนี้ทำให้เก็บรักษาได้นานโดยไม่ต้องพึ่งสารกันบูด และปัจจุบันกระป๋องส่วนใหญ่ก็ปราศจากสาร BPA แล้ว

3. ความเชื่อ: เป็นปลาเกรดต่ำ คุณภาพแย่

ในอดีตอาจมีการมองว่าของกระป๋องคือของราคาถูก แต่ปัจจุบันตลาดทูน่ากระป๋องยกระดับขึ้นมาก มีแบรนด์พรีเมียมที่คัดสรรเนื้อปลาคุณภาพสูง รสชาติดี และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่ต่างจากอาหารหรูๆ ที่นำมาทำเมนูอร่อยได้

4. ความเชื่อ: มีสารปรอทสูงจนน่ากลัว

เรื่องสารปรอทในปลาทะเลเป็นเรื่องจริงที่ต้องระวัง แต่ไม่ได้หมายความว่ากินไม่ได้เลย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากกังวลเรื่องนี้ ให้เลือกทานทูน่าพันธุ์เล็กอย่าง "สคิปแจ็ค" (Skipjack) หรือทูน่าเนื้ออ่อน (Light Tuna) แทนทูน่าขาว (Albacore) เพราะมีแนวโน้มสะสมสารปรอทน้อยกว่า

5. ความเชื่อ: ทูน่ากระป๋องส่วนใหญ่มาจากอเมริกา

แม้ชาวอเมริกันจะบริโภคทูน่ากระป๋องเยอะมาก แต่แหล่งผลิตใหญ่ที่สุดในโลกกลับอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ ประเทศไทย ที่ครองแชมป์ผู้ส่งออกทูน่ากระป๋องรายใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลกหลายแบรนด์ก็มีเจ้าของหรือฐานการผลิตที่เชื่อมโยงกับไทย ดังนั้นมั่นใจได้ในคุณภาพการผลิตส่งออก

6. ความเชื่อ: กินแล้วอ้วนและคอเลสเตอรอลพุ่ง

ตรงกันข้ามเลย ทูน่าเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่ไขมันต่ำ (โดยเฉพาะในน้ำแร่) ช่วยให้อิ่มนาน เหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก นอกจากนี้ กรดไขมันในปลายังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และส่งเสริมสุขภาพหัวใจได้อีกด้วย

7. ความเชื่อ: โซเดียมสูงเกินไป

ข้อนี้เป็นความจริงบางส่วน เพราะมีการใช้เกลือเพื่อปรุงรสและถนอมอาหาร แต่แก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกสูตร "โซเดียมต่ำ" (Low Sodium) หรือถ้านำทูน่าไปล้างผ่านน้ำเปล่าก่อนนำมาปรุงอาหาร ก็สามารถลดปริมาณโซเดียมลงได้ถึง 80%

8. ความเชื่อ: ทำลายสิ่งแวดล้อม

การประมงพาณิชย์มีผลกระทบต่อทะเลจริง แต่เราสามารถเลือกเป็นผู้บริโภคที่รับผิดชอบได้ โดยสังเกตฉลากที่ระบุว่า "Pole & Line" (ตกด้วยเบ็ด) หรือสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานความยั่งยืนต่างๆ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ช่วยลดการจับสัตว์น้ำอื่นติดมาโดยไม่ตั้งใจ (By-catch) เช่น โลมา หรือเต่าทะเล

9. ความเชื่อ: กินแล้วเสี่ยงอาหารเป็นพิษ

หากกระป๋องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บุบ ไม่บวม และไม่เป็นสนิม ความเสี่ยงเรื่องเชื้อโบทูลิซึม (Botulism) นั้นต่ำมาก ส่วนความเสี่ยงเรื่องสารฮิสตามีน (Scombroid poisoning) ที่เกิดจากการเก็บรักษาปลาไม่เย็นพอ ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกซื้อแบรนด์ที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้

10. ความเชื่อ: ทูน่ากระป๋องก็เหมือนๆ กันหมด

ถ้าสังเกตดีๆ บนฉลากจะบอกประเภทของปลาที่ต่างกัน "White Tuna" คือปลาอัลบคอร์ (Albacore) เนื้อขาวแน่นชิ้นใหญ่ ส่วน "Light Tuna" ส่วนมากคือปลาสคิปแจ็ค (Skipjack) เนื้อจะนุ่มและสีเข้มกว่า หรือถ้าเป็นเกรดพรีเมียมอาจเจอ "Yellowfin" (ทูน่าครีบเหลือง) ซึ่งรสสัมผัสต่างกันชัดเจน

11. ความเชื่อ: ทูน่ากระป๋องต้องกินแบบสลัดเย็นเท่านั้น

อย่าจำกัดจินตนาการไว้แค่ยำทูน่า หรือแซนวิช ทูน่ากระป๋องสามารถนำมาปรุงร้อนได้อร่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นทูน่าคอร์นสลัดอบชีส, พายทูน่า, คร็อกเก้ทูน่าทอดกรอบ หรือแม้แต่ใส่ในแกงกะทิและผัดกะเพราแบบไทยๆ ก็เข้ากันได้ดี

12. ความเชื่อ: ห้ามซื้อทูน่าในน้ำมันเด็ดขาด

หลายคนกลัวอ้วนเลยเลี่ยงทูน่าในน้ำมัน แต่จริงๆ แล้วน้ำมันช่วยคงรสชาติและเนื้อสัมผัสของปลาให้นุ่มชุ่มฉ่ำ เหมาะสำหรับเมนูที่ไม่ต้องปรุงเพิ่มมาก ข้อควรระวังคือถ้าเทน้ำมันทิ้ง สารอาหารอย่างโอเมก้า 3 อาจหลุดไปกับน้ำมันบ้าง ดังนั้นถ้าจะทานให้คุ้มค่า อาจนำน้ำมันนั้นมาใช้ปรุงอาหารต่อก็ได้

13. ความเชื่อ: ทูน่ากระป๋องทำมาจากเนื้อไก่

นี่เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากชื่อแบรนด์ดังต่างประเทศ "Chicken of the Sea" หรือคำเปรียบเปรยว่าทูน่าคือ "ไก่แห่งท้องทะเล" เพราะเนื้อแน่น ขาว และรสชาติทานง่ายคล้ายอกไก่ แต่ยืนยันได้ว่าในกระป๋องคือเนื้อปลาล้วนๆ ไม่มีการผสมเนื้อไก่แน่นอน

 

ประโยชน์ของทูน่ากระป๋อง:

• โปรตีนสูงกว่าไข่: ทูน่าเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยมีปริมาณโปรตีนต่อกรัมสูงกว่าไข่ไก่

• อุดมด้วยโอเมก้า-3: ช่วยบำรุงสมอง ลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และบำรุงสายตา

• แหล่งวิตามินชั้นยอด: มีวิตามิน B12, วิตามิน D และไอโอดีน ช่วยบำรุงระบบประสาทและกระดูก

• ช่วยคุมน้ำหนัก: แคลอรี่ต่ำแต่อิ่มนาน ไม่เพิ่มไขมันส่วนเกิน

• ลดเสี่ยงโรคหัวใจ: ช่วยปรับสมดุลคอเลสเตอรอล ลดไขมันเลว (LDL) และเพิ่มไขมันดี (HDL)

คำแนะนำในการเลือกซื้อ

ควรเลือกทูน่ากระป๋องที่บรรจุในน้ำแร่หรือน้ำเกลือหากต้องการคุมไขมัน แต่ถ้าชอบความชุ่มฉ่ำให้เลือกแบบในน้ำมันพืชหรือน้ำมันมะกอก โดยพยายามเลือกแบรนด์ที่ระบุว่าใช้เกลือหรือโซเดียมในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดในทุกมื้ออาหาร

ปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปคือไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับเกลือประมาณ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลาประมาณ 4-5 ช้อนชา อย่างไรก็ตาม เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ขณะที่สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ลดลงเหลือ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน การบริโภคโซเดียมมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคไต