เนื้อหาในหมวด ข่าว

หญิงป่วยมะเร็งตับ ทั้งที่ไม่ดื่มเหล้า หมอพุ่งเป้าต้นเหตุ \

หญิงป่วยมะเร็งตับ ทั้งที่ไม่ดื่มเหล้า หมอพุ่งเป้าต้นเหตุ "อาหารเช้า" กินทุกวัน 20 ปี

หญิงป่วยมะเร็งตับลามปอด ทั้งที่ไม่ดื่มเหล้า หมอพุ่งเป้าต้นเหตุ "อาหารเช้า" เมนูโปรดกินมานาน 20 ปี

แพทย์ชาวไต้หวันได้แบ่งปันกรณีศึกษาที่น่าตกใจ ของผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เคยมีประวัติป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบบีหรือซี และไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ แต่กลับถูกวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งตับ และได้ลุกลามไปยังปอดแล้ว

หลังจากการซักประวัติอย่างละเอียด แพทย์พบว่าผู้หญิงคนนี้ชื่นชอบการรับประทานเนยถั่วอย่างมาก โดยเธอกินขนมปังทาเนยถั่วเป็นอาหารเช้าทุกวัน ติดต่อกันนานกว่า 20 ปี แพทย์จึงสันนิษฐานว่า สาเหตุของมะเร็งตับในครั้งนี้ อาจเกิดจากการบริโภคเนยถั่วที่ปนเปื้อนสารพิษ อะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) เป็นเวลานาน

อะฟลาทอกซิน คืออะไร ทำไมถึงอันตราย

อะฟลาทอกซิน คือสารพิษที่ผลิตโดยเชื้อรา Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus ในสภาวะที่เหมาะสม เช่น สภาพแวดล้อมที่อบอุ่น ชื้น และมีการระบายอากาศไม่ดี องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (IARC) ได้จัดให้สารนี้เป็น สารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 และมีความเชื่อมโยงสูงกับมะเร็งตับ ไต และกระเพาะอาหาร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีประวัติเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีหรือซี อะฟลาทอกซินจะมีฤทธิ์เสริมกัน ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ อะฟลาทอกซินยังทนความร้อนได้สูงถึง 280 องศาเซลเซียส ทำให้ไม่สามารถกำจัดออกไปได้ด้วยวิธีการปรุงอาหารทั่วไปในครัวเรือน

สภาวะที่ อะฟลาทอกซิน เติบโตได้ดี

เชื้อราที่ผลิตอะฟลาทอกซินสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น โดยมีปัจจัยหลักดังนี้:

  • อุณหภูมิ: ช่วงอุณหภูมิประมาณ 25°C ถึง 35°C (โดยเฉพาะที่ 28°C ถึง 30°C) เป็นช่วงที่เชื้อราสามารถผลิตอะฟลาทอกซินได้สูงสุด
  • ความชื้น: สภาวะความชื้นสัมพัทธ์ที่สูงกว่า 80% เอื้ออำนวยอย่างมากต่อการเติบโตของเชื้อราบนพื้นผิวอาหาร

4 อาการเตือนภาวะพิษจากอะฟลาทอกซิน

อะฟลาทอกซินจะโจมตีตับเป็นอวัยวะหลัก จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet พบว่าการบริโภคอะฟลาทอกซิน 2-6 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันหลายสัปดาห์ สามารถทำให้เกิดภาวะพิษเฉียบพลันได้ โดยมีอาการสำคัญ 4 ประการ:

  • ตับเสียหายรุนแรง: อาจมีอาการตับโต และเกิดอาการบวมน้ำบริเวณท้อง ขา และเท้า
  • อาการทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และเบื่ออาหาร
  • ดีซ่าน: สังเกตได้จากผิวหนังและตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
  • มีไข้

4 ความเสี่ยงปนเปื้อนอะฟลาทอกซิน

นอกจากถั่วลิสงและเนยถั่วแล้ว เชื้อรา Aspergillus flavus ยังสามารถเติบโตและผลิตสารพิษในอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะในเขตร้อนชื้น

1. ธัญพืช

ธัญพืชหลายชนิด เช่น ข้าวโพด ข้าว และข้าวสาลี อุดมไปด้วยแป้งและคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อรา หากเก็บรักษาในสภาวะที่ไม่แห้งพอ โดยเฉพาะข้าวโพด จะเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราเป็นวงกว้าง

คำแนะนำ: ควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท แห้ง และเย็น อากาศถ่ายเทสะดวก หากอากาศร้อนชื้นมาก อาจเก็บในตู้เย็น ถ้าชิมแล้วรู้สึกขม ให้รีบคายทิ้งและบ้วนปากทันที

2. อาหารแปรรูป เช่น น้ำมันและงา

น้ำมันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เราบริโภคทุกวัน หากวัตถุดิบที่นำมาแปรรูป เช่น ข้าวโพด ถั่วลิสง หรืองา มีการปนเปื้อนสารพิษนี้ สารพิษก็จะยังคงอยู่ในผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย (เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วลิสง เนยงา) เนื่องจากมันทนความร้อนสูงมาก

คำแนะนำ: เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีฉลากระบุผู้ผลิตและวันที่ชัดเจน เก็บในที่แห้งและเย็น หรือในตู้เย็นหลังเปิดใช้ และหากพบกลิ่นผิดปกติ ให้ทิ้งทันที

3. ผลไม้ที่ขึ้นรา

หากพบเชื้อราแม้เพียงเล็กน้อยบนผลไม้ ควรทิ้งทั้งลูก ห้ามตัดส่วนที่เสียทิ้งแล้วรับประทานส่วนที่เหลือเด็ดขาด เพราะเส้นใยของเชื้อราอาจแพร่กระจายเข้าไปในเนื้อผลไม้แล้ว โดยเฉพาะในผลไม้อย่างแอปเปิ้ลและมะละกอ

คำแนะนำ: ล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนนำเข้าตู้เย็น และหมั่นตรวจสอบ ทิ้งผลไม้ที่เริ่มนิ่ม มีรอยแตก หรือเสียหาย เพราะบริเวณเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อรา

4. ตะเกียบและเขียงที่ขึ้นรา

ตะเกียบและเขียง โดยเฉพาะที่ทำจากไม้หรือไม้ไผ่ หากทำความสะอาดไม่ถูกวิธีและเก็บไว้ในที่อับชื้น อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราที่ผลิตอะฟลาทอกซินได้

คำแนะนำ: ล้างทำความสะอาดทันทีหลังใช้งาน ไม่ควรแช่น้ำทิ้งไว้ อาจนำไปต้มในน้ำเดือด 5-10 นาทีเป็นครั้งคราว และควรเปลี่ยนใหม่ทันทีหากมีการบิดงอ แตกร้าว หรือมีรอยมีดลึกมาก

สังเกต 5 สัญญาณเตือนยามเช้า หาก \

สังเกต 5 สัญญาณเตือนยามเช้า หาก "ตื่นมาเจอ" ระวังตับอาจเสียหาย "พรุนคล้ายรังผึ้ง"

เช็กด่วน 5 ข้อ! "ตับกำลังร้องขอความช่วยเหลือ" สังเกตตัวเองทุกเช้าก่อนสายเกินไป ถ้ามี "กลิ่นปาก-ฉี่สีเข้ม" ต้องระวังแล้ว

เพชฌฆาตเงียบใน \

เพชฌฆาตเงียบใน "ฟักทอง" สาววัย 28 ป่วยมะเร็งตับ กินพิษจากเชื้อราทุกวันโดยไม่รู้ตัว

เพชฌฆาตเงียบใน "ฟักทอง" สาววัย 28 ป่วยมะเร็งตับ กินพิษทุกวันไม่รู้ตัว หมอเตือนเชื้อราร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า