เนื้อหาในหมวด ข่าว

เทียร่าต้องคำสาป? \

เทียร่าต้องคำสาป? "มงกุฏ" ที่สร้างจากความรักสู่ "โศกนาฏกรรม" ผู้ครอบครอง

เปิดเรื่องราวสุดลึกลับ "Hesse Strawberry Leaf Tiara" หรือเทียร่าต้องคำสาป แม้จะสร้างจากความรัก สู่จุดจบของผู้ครองครองที่ไม่ค่อยสวยในราชวงศ์ยุโรป

เทียร่า หรือ มงกุฏ เป็นเครื่องประดับศีรษะในงานพิธีสำคัญๆ ของเชื้อพระวงศ์ มงกุฏแต่ละองค์ที่ประดับด้วยเพชรอันวิจิตรงดงามเหล่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงามอย่างเดียวเท่านั้น แต่นำมาซึ่งความหมายของมงกุฏแต่ละองค์ด้วย ทว่าในโลกนี้กลับมีมงกุฎองค์หนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากความรัก แต่สุดท้ายมักจะมาพร้อมกับโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นตามมาเสมอ จนหลายคนขนานนามว่า "เทียร่าต้องคำสาป"

จุดเริ่มต้นอันแสนโศกเศร้า

Hesse Strawberry Leaf Tiara หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม มงกุฎอาถรรพ์ใบสตรอว์เบอร์รีแห่งเฮสส์ ถูกสั่งทำขึ้นในปี 1861 โดยเจ้าชายอัลเบิร์ต ผู้หลงใหลเครื่องประดับ และเป็นพระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย โดยทำเป็นสไตล์ใบไม้ประดับเพชรและใบสตรอว์เบอร์รี มงกุฎนี้ตั้งใจจะเป็นของขวัญแต่งงานสำหรับเจ้าหญิงอลิซ พระราชธิดาองค์ที่สองของทั้งสองพระองค์ ในการอภิเษกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์ที่ 4 แห่งเฮสส์และไรน์

ทว่าเจ้าชายอัลเบิร์ต กลับสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันด้วยไข้ไทฟอยด์ก่อนที่พิธีอภิเษกสมรสจะเกิดขึ้น ทำให้งานต้องลดระดับลงเหลือเพียงพิธีเล็กๆ ในห้องส่วนตัวที่ออสบอร์นเฮาส์บนเกาะไอล์ออฟไวท์ งานอภิเษกสมรสนี้ถูกบรรยายว่าเป็นงานที่ "เศร้าที่สุด"ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ยุคใหม่ เนื่องจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์

tiara

เจ้าหญิงอลิซ ผู้สวมมงกุฎองค์แรก กับเรื่องพลัดพรากอันน่าเศร้า

เจ้าหญิงอลิซ พร้อมด้วยมงกุฎของพระองค์ได้ย้ายไปเยอรมนีพร้อมกับพระสวามีใหม่ แต่ก็ต้องประสบกับการสูญเสียบุตรธิดาถึงสองคน และพระองค์เองก็สิ้นพระชนม์ด้วยโรคคอตีบขณะมีพระชนมายุเพียง 35 ปี

แกรนด์ดัชเชสวิกตอเรีย เมลิตา ผู้สวมมงกุฎองค์ในพิธีราชาภิเษกของซาร์ กับชีวิตที่ไร้ความสุข

มงกุฎประจำตระกูลเฮสส์ตกทอดไปยังเจ้าชายเอิร์นส์ พระโอรสที่รอดชีวิตของเจ้าหญิงอลิซ และถูกสวมใส่โดยพระชายาของพระองค์ คือแกรนด์ดัชเชสวิกตอเรีย เมลิตา ในพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ผู้มีชะตากรรมอับโชค ในปี 1896 ไม่นานหลังจากการสวมมงกุฎนั้น ไข้ไทฟอยด์ก็ได้คร่าชีวิตบุตรเพียงคนเดียวของทั้งคู่ และทั้งสองก็ทรงหย่าร้างกัน จากนั้นเจ้าชายเอิร์นส์ได้มอบมงกุฎนี้ให้กับพระชายาคนที่สอง คือ เอเลโอนอร์แห่งโซล์มส์-โฮเฮนโซล์มส์-ลิช ในปี 1905

tiara1

โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ หลังเจ้าหญิงเซซิลีได้ทรงสมมงกุฏ

พระโอรสองค์โตของทั้งสอง คือ เจ้าชายจอร์จ โดนาตัส แกรนด์ดยุกแห่งเฮสส์ ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเซซิลีแห่งกรีซและเดนมาร์ก ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระผู้ล่วงลับ เจ้าหญิงเซซิลีได้สวมมงกุฎนี้ในพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ในปี 1937 ก่อนที่โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

เจ้าชายจอร์จ, เจ้าหญิงเซซิลี, โอรสวัยเยาว์ทั้งสองของพวกเขา, แกรนด์ดัชเชสเอเลโอนอร์ (พระมารดาของเจ้าชายจอร์จ), พี่เลี้ยงเด็ก, พยาบาล และนักบิน ล้วนเสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินตกในปีเดียวกัน ขณะเดินทางไปยังสหราชอาณาจักรเพื่องานอภิเษกสมรสของเจ้าชายหลุยส์ พระอนุชาของเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงเซซิลีทรงคลอดก่อนกำหนดระหว่างการบิน ซึ่งบังคับให้ต้องลงจอดฉุกเฉิน และในที่สุดก็ทำให้เครื่องบินตก คร่าชีวิตทุกคนที่อยู่บนเครื่อง มงกุฎใบสตรอว์เบอร์รีถูกพบในซากเครื่องบินโดยอยู่ในกล่องอย่างไม่บุบสลาย

การสิ้นสุดราชวงศ์เฮสส์

งานอภิเษกสมรสที่เรียบง่ายของเจ้าชายหลุยส์ดำเนินต่อไป แต่เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์โดยไม่มีบุตรในปี 1968 สายสกุลผู้สืบทอดทางชายของตระกูลเฮสส์และไรน์ก็สิ้นสุดลงอย่างถาวร

ปัจจุบัน มงกุฎใบสตรอว์เบอร์รีแห่งเฮสส์ (Hesse Strawberry Leaf Tiara) เป็นทรัพย์สินของ "Hessische Hausstiftung" หรือ มูลนิธิราชวงศ์เฮสส์ ทำหน้าที่ดูแลมรดกทั้งหมดของตระกูล ทั้งงานศิลปะ ปราสาท และเครื่องเพชรที่ยังคงเป็นของตระกูลเฮสส์

แม้ว่ามงกุฎนี้เคยถูกนำออกจัดแสดงต่อสาธารณะ เช่น ในนิทรรศการ 'Tiaras: A History of Splendor' ที่ลอนดอนในปี 2002 แต่เชื่อกันว่ายังไม่มีสมาชิกราชวงศ์เฮสส์คนใดนำกลับมาสวมใส่อย่างเป็นทางการอีกเลย นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกในปี 1937