สรุปว่า "ดื่มน้ำก่อนนอน" ควรหรือไม่ควร? เฉลยเรื่องสุขภาพใกล้ตัว ที่หลายคนยังสับสน!
เตือน! ทำไมไม่ควรดื่มน้ำก่อนนอน? ผู้เชี่ยวชาญชี้เสี่ยงรบกวนการนอน-บวมหน้า-ปวดปัสสาวะกลางดึก
หลายคนอาจคิดว่า ดื่มน้ำก่อนนอน อีกสักแก้วจะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและดีต่อสุขภาพ แต่ในความเป็นจริง พฤติกรรมดื่มน้ำก่อนนอนมากเกินไปอาจกลายเป็นตัวการรบกวนจังหวะการนอนหลับ ทำให้ต้องตื่นกลางดึกบ่อย ๆ โดยไม่เข้าใจสาเหตุ ทั้งยังส่งผลต่อระบบไต กระเพาะปัสสาวะ และสมดุลน้ำในร่างกายแบบเงียบ ๆ อีกด้วย
หากคุณมักตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนเป็นประจำ รู้สึกหลับไม่ลึก หรือตื่นมาแล้วง่วง เหนื่อยง่าย อาจถึงเวลาที่ต้องสำรวจใหม่ว่า “ดื่มน้ำก่อนนอนมากเกินไปหรือไม่” และลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ระบบร่างกายและการนอนหลับทำงานได้ดีขึ้น
ทำไมดื่มน้ำก่อนนอนถึงทำให้ต้องตื่นเข้าห้องน้ำตอนกลางดึก
ตามธรรมชาติแล้ว ช่วงกลางคืนไตจะชะลอการทำงานลง ความสามารถในการกรองของเสียจะลดลงราว 30% เมื่อเทียบกับเวลากลางวัน ดังนั้นหากดื่มน้ำก่อนนอนในปริมาณมาก ไตจะต้องทำงาน “ล่วงเวลา” เพื่อกรองของเหลวส่วนเกิน ส่งผลให้มีปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นผิดปกติในช่วงที่ควรเป็นเวลาพักผ่อน
ขณะเดียวกัน เมื่อร่างกายอยู่ในท่านอน ความดันในช่องท้องและบริเวณกระเพาะปัสสาวะจะเปลี่ยนไป ทำให้กระเพาะปัสสาวะไวต่อปริมาณน้ำมากขึ้น เพียงมีน้ำอยู่ไม่มากก็สามารถกระตุ้นความรู้สึกปวดปัสสาวะได้ชัดเจน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเริ่มอ่อนแรง ทำให้ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งในตอนกลางดึก
ทุกครั้งที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก วงจรการนอนหลับลึกจะถูกสะดุด ร่างกายมักใช้เวลาราว 15-20 นาทีจึงจะกลับเข้าสู่ภาวะหลับลึกได้ใหม่ หากการดื่มน้ำก่อนนอนทำให้ตื่นเข้าห้องน้ำหลายครั้งต่อคืน คุณภาพการนอนจะค่อย ๆ แย่ลง แม้ดูเหมือนนอนครบชั่วโมง แต่กลับตื่นมาด้วยความรู้สึกอ่อนล้าและไม่สดชื่น
ผลกระทบเงียบ ๆ ของการดื่มน้ำก่อนนอนมากเกินไป
นอกจากเรื่องการตื่นมาปัสสาวะกลางดึกแล้ว การดื่มน้ำก่อนนอนในปริมาณมากยังอาจทำให้ร่างกายเกิดการคั่งของน้ำในบางส่วน โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและรอบดวงตา เนื่องจากระบบน้ำเหลืองทำงานช้าลงในเวลากลางคืน น้ำจึงระบายออกได้ไม่ดีนัก ส่งผลให้ตื่นเช้ามาพร้อมอาการหน้าบวม หรือตาบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทางด้านระบบทางเดินอาหาร การดื่มน้ำในปริมาณมากแล้วล้มตัวนอนทันทีอาจทำให้กรดในกระเพาะถูกเจือจาง และกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งกรดเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่ทำให้กรดไหลย้อนหรือแสบร้อนกลางอกเกิดขึ้นง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนอยู่แล้วจะยิ่งรู้สึกไม่สบายตัวในช่วงกลางคืนมากขึ้น
ในกรณีที่ดื่มน้ำจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ยังมีโอกาสทำให้สมดุลเกลือแร่ผิดปกติ โดยเฉพาะระดับโซเดียมในเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรือรู้สึกมึนงงได้ แม้จะไม่ใช่ภาวะที่เจอได้บ่อยในคนทั่วไป แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าควรจัดปริมาณน้ำแต่ละช่วงเวลาให้เหมาะสม ไม่ควรดื่มสะสมก่อนนอนทีเดียว
ดื่มน้ำอย่างไรให้ดีต่อการนอนมากกว่า "ดื่มน้ำก่อนนอน"
เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอโดยไม่รบกวนการนอน ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากภายใน 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน โดยในช่วงค่ำควรจำกัดปริมาณรวมให้อยู่ราว 150-200 มิลลิลิตร และแบ่งดื่มทีละน้อยหลังมื้ออาหาร แทนการดื่มรวดเดียวก่อนล้มตัวลงบนเตียง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นดื่มน้ำคือทันทีหลังตื่นนอนด้วยน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว ช่วยชดเชยการสูญเสียน้ำผ่านการหายใจในตอนกลางคืน และกระตุ้นระบบขับถ่ายให้เคลื่อนไหวดีขึ้น สำหรับตลอดทั้งวัน อาจแบ่งดื่มครั้งละประมาณ 100-150 มิลลิลิตรในแต่ละชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทำให้ระบบใดระบบหนึ่งทำงานหนักจนเกินไป
การปรับพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดความจำเป็นในการดื่มน้ำก่อนนอนลงโดยอัตโนมัติ ทำให้ร่างกายไม่สะสมของเหลวเกินจำเป็นในช่วงกลางคืน และลดโอกาสตื่นปัสสาวะบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อคุณภาพของการนอนหลับในระยะยาว
- หลายคนยังเข้าใจผิด! "กินดึก" หมายถึงกี่โมง? รู้ไหมมี 4 อาหาร กินตอนกลางคืนไม่อ้วน
- แพทย์อเมริกัน แนะนำเครื่องดื่ม 3 ชนิด ที่ตับและระบบย่อยอาหาร "ชอบ" ทุกอย่างมีขายในไทย!
ข้อควรระวังสำหรับกลุ่มเสี่ยงเมื่อต้องดื่มน้ำก่อนนอน
ในผู้ป่วยโรคหัวใจ การควบคุมปริมาณน้ำที่เข้าสู่ร่างกายมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในช่วงกลางวันและก่อนเข้านอน เพราะหากร่างกายมีปริมาณน้ำเกิน อาจเพิ่มภาระให้หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับปริมาณน้ำในแต่ละวัน
สำหรับผู้ชายที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต มักมีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด หรือปัสสาวะกลางดึกอยู่แล้ว การดื่มน้ำก่อนนอนในปริมาณมากจะยิ่งทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น และกระทบต่อคุณภาพการนอนอย่างเห็นได้ชัด จึงควรลดการดื่มน้ำหลังมื้อเย็นและก่อนเข้านอนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
ส่วนผู้ที่ต้องใช้ยาขับปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับช่วงเวลาการรับประทานยาให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ฤทธิ์ยาไปกระตุ้นการขับปัสสาวะในช่วงกลางคืนมากเกินจำเป็น และควรระวังไม่ดื่มน้ำก่อนนอนเพิ่มเติมจนเกินกว่าคำแนะนำที่ได้รับ
ดื่มน้ำให้ถูกเวลา สำคัญไม่แพ้ปริมาณ
สรุปแล้ว การดูแลสุขภาพไม่ใช่เพียงดื่มน้ำให้มากเท่านั้น แต่ “เวลาที่ดื่ม” ก็สำคัญไม่แพ้กัน การดื่มน้ำก่อนนอนในปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลให้ตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง หน้าบวมเช้า ระบบย่อยอาหารถูกรบกวน และคุณภาพการนอนลดลง การกระจายน้ำดื่มให้เหมาะสมตลอดทั้งวัน เน้นดื่มหลังตื่นนอน และหลีกเลี่ยงดื่มมาก ๆ ก่อนเข้านอน จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากน้ำอย่างเต็มที่โดยไม่กระทบการพักผ่อน
หากลองสังเกตและปรับพฤติกรรมดื่มน้ำก่อนนอนแล้วคุณภาพการนอนยังไม่ดีขึ้น มีอาการปัสสาวะบ่อยกลางดึก เหนื่อยง่าย หรือนอนเท่าไรไม่รู้สึกหายเพลีย ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุแฝงเพิ่มเติม เพื่อให้การนอนเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้พักจริง ๆ และตื่นมาพร้อมพลังในทุกเช้าวันใหม่
