ข่าวใหญ่แห่งปี 2025 สรุปเหตุการณ์สำคัญ ที่คนไทยไม่มีวันลืม
สรุปข่าวใหญ่ปี 2025 และเหตุการณ์สำคัญปี 2568 ทบทวนบทเรียนสำคัญของสังคมไทยทั้งปี
ปี 2025 หรือ พ.ศ. 2568 กำลังจะปิดฉากลง พร้อมทิ้งร่องรอย “ข่าวใหญ่ปี 2025” และเหตุการณ์สำคัญปี 2568 มากมาย ทั้งด้านการเมือง สังคม ภัยพิบัติ และสถาบันหลักของประเทศ หลายเหตุการณ์กลายเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของคนไทยทั้งชาติ ทั้งในมิติของความสูญเสีย ความเปลี่ยนแปลง และบทเรียนที่ต้องจดจำไว้ไม่ให้เกิดซ้ำอีกในอนาคต
และต่อไปนี้คือการรวบรวม “เหตุการณ์สำคัญปี 2568” ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางตลอดทั้งปี

ปะทะเดือดไทย–กัมพูชา แนวชายแดนปั่นป่วนในรอบกว่า 14 ปี
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สะเทือนใจที่สุดของปี 2025 คือความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่เริ่มจากการปะทะในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ก่อนลุกลามไปยังหลายจุดตามแนวชายแดน จนกลายเป็นเสมือน “สงครามย่อย” ในรอบกว่า 14 ปี สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและกำลังพลจำนวนมาก
การปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ที่ฝ่ายไทยใช้ตอบโต้ ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะเป็นการระดมกำลังทั้งภาคพื้นดินและอากาศอย่างเข้มข้น มีการใช้ยุทโธปกรณ์ทันสมัยและเครื่องบินรบในยุทธการเต็มรูปแบบ ส่งผลให้สถานการณ์ชายแดนตึงเครียด และทิ้งคำถามถึงอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านว่า จะเดินต่อไปในทิศทางใดท่ามกลางความบอบช้ำที่เกิดขึ้น
แผ่นดินไหวเมียนมาสะเทือนถึงกรุงเทพฯ คนกรุงฯ วิ่งหนีลงตึกครั้งประวัติการณ์
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมียนมากลายเป็นอีกเหตุการณ์ที่คนไทยจำนวนมาก “รู้สึกได้จริง” ไม่ใช่แค่ข่าวในต่างแดน เพราะแรงสั่นสะเทือนถูกส่งผ่านจนผู้คนในกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดรับรู้ได้อย่างชัดเจน หลายคนที่อยู่บนอาคารสูงรีบวิ่งลงมาชั้นล่างเพื่อความปลอดภัย บรรยากาศในช่วงเวลาสั้นๆ เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสับสน

ความสูญเสียทวีความรุนแรง เมื่ออาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่มลงมา มีรายงานคนงานเสียชีวิตจำนวนมากจนแตะหลักร้อยชีวิต เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของภัยธรรมชาติ แต่ยังกลายเป็นคำถามใหญ่ต่อมาตรฐานการก่อสร้างและความปลอดภัยของอาคารราชการมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ว่าทำไมจึงเปราะบางต่อแรงสั่นสะเทือนจนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้

คลิปเสียง “อุ๊งอิ๊ง–อังเคิลฮุน เซน” เขย่าความเชื่อมั่นการเมืองชายแดน
ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดหลังการปิดด่านชายแดนเพื่อตอบโต้กัมพูชา คลิปเสียงสนทนาความยาวกว่า 9 นาที ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กับ “สมเด็จฮุน เซน” ผู้นำกัมพูชา กลายเป็นชนวนดราม่าทางการเมืองครั้งใหญ่ในปี 2025
เนื้อหาบางช่วงพูดถึงการ “ไม่อยากให้ uncle ไปฟังฝั่งตรงข้าม” และระบุถึงนายทหารระดับสูงอย่าง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็น “คนของฝั่งตรงข้าม” สร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงทั้งในแง่ความเชื่อมั่นต่อผู้นำ การบริหารวิกฤตชายแดน และความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพ กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมและสื่อมวลชนถกเถียงไม่หยุดในช่วงเวลานั้น

“อนุทิน” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ภายใต้ MOU ยุบสภาใน 4 เดือน
การเมืองไทยในปี 2025 เดือดระอุทันทีหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 เสียง ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากกรณีคลิปเสียงกับผู้นำกัมพูชา ส่งผลให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีว่างลง และเปิดฉากการจัดขั้วใหม่ทางการเมืองอย่างเข้มข้น
วันที่ 5 กันยายน 2025 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติ “เห็นชอบ” ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาชน 143 เสียง ร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ อีก 146 เสียง สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยขึ้นมาบริหารประเทศได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนดังกล่าวผูกพันอยู่กับบันทึกความเข้าใจ (MOU) 5 ข้อ ที่หนึ่งในนั้นกำหนดให้ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทำให้ “อายุรัฐบาล” และเสถียรภาพทางการเมืองกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทั้งนักการเมือง ภาคธุรกิจ และสังคมต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

คดี “สีกากอล์ฟ” สะเทือนศรัทธาวงการสงฆ์
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่หลายคนไม่คิดว่าจะได้เห็นในเมืองพุทธอย่างประเทศไทย คือกรณี “สีกากอล์ฟ” ที่โยงใยไปถึงพระผู้ใหญ่หลายรูป เริ่มต้นจากการสึกอย่างกะทันหันของพระระดับสำคัญรูปหนึ่งในต่างจังหวัด ท่ามกลางความงุนงงของลูกศิษย์และชาวบ้าน
ภายหลังการตรวจสอบพบว่ามีการเชื่อมโยงกับหญิงคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่า “สีกากอล์ฟ” ทั้งในด้านการเงินและความสัมพันธ์ส่วนตัว คดีนี้ขยายวงจนสิ้นสุดด้วยการสึกพระผู้ใหญ่มากถึง 13 รูป กลายเป็นบาดแผลครั้งใหญ่ด้านศรัทธา และผลักให้สังคมตั้งคำถามต่อระบบตรวจสอบภายในคณะสงฆ์และมาตรฐานทางจริยธรรมของพระสงฆ์ระดับสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ดราม่าการบริจาควัดพระบาทน้ำพุ สะเทือนความเชื่อมั่นการทำบุญ
กระแสตั้งคำถามเรื่องการรับบริจาคเพื่อวัดพระบาทน้ำพุปะทุขึ้นอย่างร้อนแรง หลังอินฟลูเอนเซอร์และผู้มีชื่อเสียงหลายรายออกมาโพสต์ตั้งข้อสงสัยว่า เงินบริจาคที่ระดมจากสาธารณชนอาจไม่ได้ถูกส่งมอบถึงวัดครบถ้วนตามที่ประชาชนเข้าใจ
จากข้อสงสัยดังกล่าว การตรวจสอบจึงขยายไปถึง พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต ติกฺขปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ รวมถึง “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” หรือ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล กรณีนี้ทำให้สังคมตั้งคำถามจริงจังต่อความโปร่งใสของระบบรับบริจาค เพื่อการกุศล และเป็น “สัญญาณเตือน” ให้ผู้บริจาคต้องระมัดระวังในการโอนเงินทำบุญผ่านบุคคลกลางมากยิ่งขึ้น

ถนนหน้าวชิรพยาบาลทรุดตัว กลางกรุงกลายเป็นหลุมยักษ์
เหตุถนนสามเสนทรุดตัวบริเวณหน้าวชิรพยาบาล เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 07.08 น. กลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่คนกรุงเทพฯ ไม่คิดว่าจะได้เห็นง่ายๆ พื้นถนนยุบตัวกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ราว 30 x 30 เมตร ลึกประมาณ 20 เมตร และมีแนวทรุดขยายไปจนจรดหน้าสถานีตำรวจนครบาลสามเสน
มีเสาไฟฟ้าจำนวน 2 ต้น และรถยนต์ 3 คันตกลงไปในหลุม การจราจรบนถนนสามเสนช่วงแยกวชิระ–แยกซังฮี้ต้องปิดอย่างไม่มีกำหนด พร้อมทั้งมีการอพยพผู้ป่วยจากโรงพยาบาลและประชาชนในอาคารใกล้เคียง เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐานในเมืองใหญ่ ที่อาจซ่อนความเสี่ยงไว้ใต้ถนนที่เราใช้เดินทางทุกวัน

ศาลฎีกาฯ จำคุก “ทักษิณ” 1 ปี ในคดีชั้น 14 อดีตนายกฯ คนแรกที่ถูกส่งเข้าเรือนจำ
ปี 2025 ยังเป็นปีที่หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์การเมืองไทยถูกเขียนขึ้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาจำคุก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 เป็นเวลา 1 ปี ในคดีที่ถูกสังคมเรียกว่า “คดีชั้น 14” และมีการส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องรับโทษในเรือนจำ
เบื้องหลังคดีนี้ ผูกโยงกับคดีเก่าหลายคดีในรอบกว่า 20 ปี ทั้งกรณีสินเชื่อ Exim Bank 4,000 ล้านบาทให้รัฐบาลเมียนมา คดีทุจริตโครงการสลากเลขท้าย 2–3 ตัว และคดีแปลงสัญญาสัมปทานหุ้นชินคอร์ป เดิมทีโทษจำคุกรวม 8 ปี ก่อนที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษลดเหลือ 1 ปี เหตุการณ์นี้จึงไม่เพียงเป็น “ข่าวใหญ่ปี 2025” ในเชิงกฎหมายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนสมการอำนาจทางการเมืองและความรู้สึกของสังคมที่ติดตามมาตลอดหลายทศวรรษ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
เหตุการณ์สำคัญสูงสุดด้านสถาบันหลักของชาติในปี 2568 คือการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 21.21 น. ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ บรรยากาศทั้งประเทศในช่วงวันนั้นจนถึงหลายสัปดาห์ถัดมา เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความอาลัยอย่างหาที่สุดมิได้
รัฐบาลประกาศให้มีการไว้ทุกข์ทั่วราชอาณาจักรเป็นเวลา 1 ปี เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ สำนักพระราชวังกำหนดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ประชาชนจากทั่วประเทศทยอยเดินทางมาร่วมลงนามถวายความอาลัยและรำลึกถึงพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจที่ทรงอุทิศเพื่อพสกนิกรไทยตลอดพระชนม์ชีพ

น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ 8 จังหวัด-หาดใหญ่จมบาดาล
ปลายปี 2568 ประเทศไทยต้องเผชิญภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่กลับมาเผชิญ “อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์” อีกครั้ง สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มขึ้นราววันที่ 21 พฤศจิกายน ก่อนจะเพิ่มระดับอย่างรวดเร็วในช่วงวันที่ 24–25 พฤศจิกายน หลายพื้นที่มีระดับน้ำสูงจนเกิน 3 เมตร ตามการวิเคราะห์จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA
บ้านเรือน ถนนหนทาง ระบบไฟฟ้า สาธารณูปโภค และเศรษฐกิจท้องถิ่นได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดย ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 เวลา 08.00 น. มีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 162 ราย ครอบคลุม 8 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำโจทย์ใหญ่ด้านการจัดการน้ำ การผังเมือง และระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่ไทยยังต้องเร่งยกระดับอย่างจริงจัง
สรุปเหตุการณ์สำคัญปี 2568 บทเรียนใหญ่ที่คนไทยต้องไม่ลืม
เมื่อมองย้อนกลับไป เหตุการณ์และ “ข่าวใหญ่ปี 2025” ตลอดปี 2568 สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยต้องเผชิญทั้งวิกฤตความขัดแย้งชายแดน ภัยพิบัติธรรมชาติ ปัญหาความศรัทธาในสถาบันศาสนา ความผันผวนของการเมืองระดับชาติ ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านสำคัญของสถาบันหลักของประเทศ ทุกเหตุการณ์ล้วนทิ้งคำถามและบทเรียนให้สังคมไทยต้องร่วมกันหาคำตอบอย่างรอบคอบ
สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนปีแห่งความสูญเสียและความปั่นป่วนให้กลายเป็นปีแห่งการเรียนรู้ ปรับปรุงระบบต่างๆ ของประเทศให้เข้มแข็ง โปร่งใส และพร้อมรับมือวิกฤตในอนาคต เพื่อไม่ให้ “เหตุการณ์สำคัญปี 2568” กลายเป็นเพียงภาพจำอันเจ็บปวด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืนกว่าสำหรับคนไทยทุกคน