คนจีนเรียกว่า "ผักจักรพรรดิ" ปรากฏว่าไทยมีในสารพัดเมนู แต่หลายคนปฏิเสธที่จะกินมัน!
ผักที่ชาวจีนเรียกว่า "ผักจักรพรรดิ" มีมากในไทย แต่หลายคนไม่ชอบทาน
ผักชนิดนี้ถูกเรียกว่า "ผักจักรพรรดิ" หรือ "ราชาผัก" และมักปรากฏในงานเลี้ยงของพระราชาในจีน
ในอาหารจีนโบราณ มีผักชนิดหนึ่งที่เป็นผักธรรมดาแต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารสำหรับจักรพรรดิ ซึ่งก็คือ "ผักขี้กุย" หรือ "ผักตันโอ" ที่มักปรากฏในงานเลี้ยงในพระราชวัง และเป็นที่รู้จักด้วยภาพลักษณ์ที่สง่างามและรสชาติที่มีคุณค่าทางสุขภาพอย่างสูง โดยในจีนได้เรียกผักขี้กุยว่า "ผักจักรพรรดิ" หรือ "ราชาผัก"
ในประเทศไทย ผักชนิดนี้ปลูกได้ทั่วไปและส่วนใหญ่จะใช้เป็นผักในการรับประทาน หรือบางคนอาจนำมาใช้เป็นยารักษาโรค ในการใช้เป็นยา ผักขี้กุยสามารถใช้สดหรือแห้งในที่ร่มได้ แต่หลายคนไม่ชอบทานผักชนิดนี้ เนื่องจากมีกลิ่นที่แรงและรสขมเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม คนที่เข้าใจคุณค่าของผักขี้กุยต่างรู้ดีว่า มันเป็นผักที่ควรจะมีอยู่ในเมนูอาหารประจำวัน
ผักขี้กุย - สมุนไพรล้ำค่า
ผักขี้กุยไม่เพียงแต่เป็นอาหาร แต่ยังได้รับการยกย่องเป็นสมุนไพรในแพทย์แผนจีนมาอย่างยาวนาน จากการบันทึกของแพทย์แผนจีน ผักขี้กุยมีรสหวานขมเล็กน้อย และมีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงร่างกาย เช่น ช่วยลดความร้อน ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร และลดอาการไอ จากคุณสมบัติที่ไม่เป็นอันตราย ผักขี้กุยจึงถูกใช้ในหลายตำรับยาแพทย์แผนจีนทั้งสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ SOHA มีตำรับยาใช้ผักขี้กุยบ่อย ๆ ดังนี้:
- รักษาอาการไอเรื้อรัง: เด็กมักจะนำใบผักขี้กุยไปนึ่งกับน้ำตาลเพื่อบรรเทาอาการไอ ส่วนผู้ใหญ่สามารถทำซุปผักขี้กุยกับปอดหมูเพื่อช่วยลดอาการไอจากความเย็น
- ช่วยย่อยอาหารและกินได้น้อย: ซุปผักขี้กุยกับเนื้อหมูหรือใส่ขิงช่วยทำให้กระเพาะอาหารอุ่นขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งหายป่วย
- บรรเทาอาการหวัดและลดไข้: ข้าวต้มร้อนที่ใส่ผักขี้กุยหั่นเล็กช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อและลดไข้เบา ๆ
- ลดอาการท้องเสียและอุจจาระเหลว: ซุปผักขี้กุยที่ต้มต่อเนื่องหลายวันช่วยทำให้ท้องอุ่นและช่วยให้การย่อยอาหารปกติ
- ช่วยลดความดันโลหิตและลดความเครียด: ด้วยการที่ผักขี้กุยมีน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ กรดอะมิโน และแร่ธาตุ ช่วยทำให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวลและลดความดันโลหิต
- บรรเทาอาการมึนหัวและปวดหัว: ตำรับยาบางชนิดที่ผสมปลาดุกหรือใช้น้ำต้มผักขี้กุยสามารถช่วยปรับปรุงการหมุนเวียนของเลือดและลดอาการปวดหัวเรื้อรัง
วิธีการรับประทานผักขี้กุย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นหอมเบา ๆ ของดอกไม้ขี้กุยและรสชาของชาดอกไม้แห้ง ผักขี้กุยเป็นผักที่ควรลอง
ถ้าเป็นผักอ่อน ผู้คนสามารถทานสดในสลัดได้ เพราะทั้งใบและก้านมีความนุ่มหวานและไม่ขมเกินไป แต่ผักขี้กุยส่วนใหญ่ในตลาดจะเป็นผักที่โตเต็มที่ และจะอร่อยมากขึ้นเมื่อผ่านการปรุงสุก หากนำไปนึ่งหรือเดือดในน้ำเดือดสักครู่ ผักขี้กุยจะมีกลิ่นหอมแบบสมุนไพร รสหวานเล็กน้อยที่ก้าน และกรอบเบา ๆ ซึ่งจะทำให้รู้สึกสบายเมื่อทาน
สิ่งสำคัญที่สุดในการปรุงผักขี้กุยคือไม่ให้สุกเกินไป ผักชนิดนี้สุกเร็วมาก และใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีมันก็อาจจะนิ่มจนเสียรสชาติได้ หากทิ้งไว้ในน้ำเดือดนานเกินไป จะทำให้สูญเสียรสชาติและกลิ่นที่ดี หากไม่ตัดเป็นท่อน ก็สามารถแช่ในน้ำเดือดประมาณ 20-30 วินาที ส่วนถ้าตัดเป็นท่อน เวลาจะสั้นกว่านั้น
หลายคนชอบวิธีการแช่ผักขี้กุยในน้ำเดือดแล้วปล่อยให้เย็นลงแล้วคลุกกับซอส หรืออาหารญี่ปุ่นมีสูตรที่นิยมมาก คือ ผักขี้กุยคลุกซอสงา โดยมีรสชาติหอมมันจากงาคั่วบดละเอียดผสมกับทาฮินี (เนยงาที่ทำจากงาขี้ม่อนบด) เติมน้ำส้มสายชูข้าว ซอสถั่วเหลือง มิริน (เหล้าข้าวหวานของญี่ปุ่น) และดาชิ (น้ำซุปญี่ปุ่น) ให้มีกลิ่นหอมอันเข้มข้น ที่ช่วยเน้นรสชาติของผักขี้กุย
- "เจ็บคอ" เกินกี่วันต้องระวัง? อย่าคิดว่าแค่หวัด อาจเป็นสัญญาณ "มะเร็ง" รีบไปหาหมอ!
- ด.ช. 9 ขวบ มีนิ่วในท้อง 56 ก้อน หมอเผยต้นเหตุทำแม่ทรุด ที่แท้คือสิ่งที่ให้ลูกกินทุกวัน
