ฟังดูไม่น่าเชื่อ! 5 ของใช้ในครัวที่คุ้นเคย กำลังทำทั้งบ้าน "สูดสารพิษ" ทุกวัน
นี่คือ 5 อุปกรณ์เครื่องครัวที่คุณควรทิ้งทันที หากมีไว้ในครอบครอง
ห้องครัวเป็นสถานที่ที่ผู้คนต้องสัมผัสกับอาหารโดยตรง แตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของบ้าน ตั้งแต่มีด เขียง ถ้วยชาม ไปจนถึงช้อนส้อม ล้วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างใกล้ชิด หากของใช้เหล่านี้ไม่ปลอดภัย สารพิษก็อาจ "แอบแฝง" เข้าไปในมื้ออาหารของเราทุกวันโดยไม่รู้ตัว
ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาและความปลอดภัยของอาหาร (โรงพยาบาลบาคไหม) ระบุว่า หลายคนมีแนวคิด "ของยังใช้ได้ ก็เสียดายที่จะทิ้ง" แต่ความคิดนี้เองที่ทำให้ของอันตรายหลายอย่างยังคงอยู่ในครัว
"ของอย่างเขียงไม้เทียม แก้วสี หรือทัพพีซิลิโคนราคาถูก อาจไม่ก่อพิษในทันที แต่เมื่อสารพิษสะสมเป็นเวลานาน ผลที่ตามมาจะส่งผลกระทบต่อตับ ไต และระบบภูมิคุ้มกัน"
ปัจจุบันตลาดเต็มไปด้วยเครื่องครัวหลากหลายประเภท ตั้งแต่ของพรีเมียมไปจนถึงราคาถูก หลายชิ้นดูสวยงามและใช้งานสะดวก แต่กลับแฝงไปด้วยสารพิษ นี่คือ 5 อุปกรณ์ที่คุณควรคัดทิ้งทันที

1. แก้วน้ำสีสันสวยงาม แหล่งสะสมโลหะหนัก
หลายคนเชื่อว่าแก้วเป็นวัสดุที่ "สะอาด" และปลอดภัย ซึ่งนั่นก็จริงสำหรับแก้วใส แต่สำหรับแก้วสีหรือแก้วคริสตัลสีนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สีสันของแก้วเหล่านี้มักเกิดจากการเคลือบหรือใช้สีที่มีส่วนผสมของตะกั่วและแคดเมียม ซึ่งเป็นโลหะหนักที่สามารถละลายออกมาได้เมื่อเจอความร้อนหรือเกิดการขีดข่วน
เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อนำไปล้างในเครื่องล้างจาน หรือใช้ใส่เครื่องดื่มร้อนๆ ชั้นสีเหล่านี้จะค่อยๆ สลายตัว และปนเปื้อนลงในเครื่องดื่ม ทำให้เรา "กลืน" โลหะหนักเข้าร่างกายโดยไม่ตั้งใจ
ตะกั่วและแคดเมียมสามารถสะสมในร่างกายระยะยาว ทำลายระบบประสาท ตับ และไต ดังนั้น ควรเลือกใช้แก้วใสที่ไม่มีลวดลายหรือการเคลือบสีจะปลอดภัยที่สุด

2. อุปกรณ์ซิลิโคนราคาถูก ละลายเมื่อเจอความร้อน
ซิลิโคนเกรดอาหาร (Food Grade) เป็นวัสดุที่ทนทาน ยืดหยุ่น และทนความร้อนได้ดี จึงเป็นที่นิยมใช้ทำทัพพีหรือแม่พิมพ์อบขนม แต่ไม่ใช่ซิลิโคนทุกชนิดจะปลอดภัย
ในท้องตลาดเต็มไปด้วยอุปกรณ์ซิลิโคนราคาถูก ที่ผสมไนลอนหรือพลาสติกรีไซเคิล ทำให้ทนความร้อนได้ต่ำมาก เมื่อใช้ปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูง มันจึงบิดเบี้ยว ละลาย หรือส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าโครงสร้างทางเคมีถูกทำลายและกำลังปล่อยสารพิษออกมา
หากพบว่าอุปกรณ์ซิลิโคนเปลี่ยนสี นิ่มผิดปกติ หรือมีรอยแตก ให้ทิ้งทันที ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า "FDA Food Grade" หรือทนอุณหภูมิได้ในช่วง -40°C ถึง 230°C
3. เขียงไม้เทียม (MDF) แหล่งสะสมฟอร์มาลดีไฮด์
เขียงเป็นของที่ขาดไม่ได้ แต่ไม่ใช่ทุกแบบจะปลอดภัย เขียงราคาถูกหลายรุ่นที่โฆษณาว่าเป็น "ไม้ธรรมชาติ" แท้จริงแล้วทำจากไม้อัด MDF หรือเศษไม้ที่ถูกอัดติดกันด้วยกาว
กาวชนิดนี้มี "ฟอร์มาลดีไฮด์" ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อเขียงสัมผัสกับน้ำ น้ำมัน หรือแรงมีด สารนี้อาจถูกปล่อยออกมาปนเปื้อนในอาหาร
นอกจากนี้ รอยต่อระหว่างไม้อัดยังเป็นแหล่งสะสมความชื้น เกิดเชื้อราและแบคทีเรียได้ง่าย หากเขียงของคุณมีกลิ่นกาว ลายไม้ไม่สม่ำเสมอ หรือผิวหน้าลอกร่อน ควรเปลี่ยนเป็นเขียงไม้แท้ (ไม้ชิ้นเดียว) หรือเขียงไม้ไผ่ธรรมชาติจะปลอดภัยกว่า

4. เครื่องสแตนเลส (Inox) เกรดต่ำ ปล่อยโลหะหนักปนเปื้อน
สแตนเลส (หรือ Inox) เป็นที่นิยมเพราะมีน้ำหนักเบา ทนทาน และแวววาว แต่ไม่ใช่สแตนเลสทุกเกรดจะเหมาะกับการสัมผัสอาหาร
ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุสัมผัสอาหาร ระบุว่า มีเพียงสแตนเลสเกรด 304, 316 หรือ 430 เท่านั้นที่ถือเป็นเกรดอาหาร (Food Grade) แต่สินค้าที่ราคาถูกจำนวนมากกลับใช้สแตนเลสเกรดต่ำที่มีสารแมงกานีส นิกเกิล หรือโครเมียมเกินมาตรฐาน ซึ่งอาจรั่วไหลออกมาเมื่อโดนความร้อน
สัญญาณที่สังเกตได้ง่ายคือ ช้อนหรือหม้อสแตนเลสราคาถูกจะหมองคล้ำ ดำ หรือขึ้นสนิมได้ง่ายหลังใช้งานไม่นาน หากพบสัญญาณนี้ ควรหยุดใช้ทันที
5. เครื่องปั้นดินเผาเคลือบสี "สวยสังหาร" เพราะโลหะหนัก
เครื่องปั้นดินเผาหรือเซรามิกที่มีลวดลายสวยงามและเคลือบมันวาวมักจะดึงดูดสายตา แต่ก็แฝงอันตรายร้ายแรงไว้เช่นกัน
ชั้นเคลือบผิวเหล่านี้มักมีสารตะกั่ว แคดเมียม หรือสารให้สีที่เป็นโลหะหนักผสมอยู่ เมื่อนำไปบรรจุอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือมีความร้อนสูง สารพิษเหล่านี้จะละลายออกมาปนเปื้อนในอาหาร
การใช้ภาชนะเซรามิกคุณภาพต่ำเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อตับ ไต และระบบประสาท โดยเฉพาะในเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์ ดังนั้น ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งที่มาชัดเจน ผิวเคลือบเรียบเนียน และหลีกเลี่ยงของสีฉูดฉาดราคาถูก