อัปเดต 2025 : จัดอันดับ 10 สิ่งที่คนเอเชีย "แพ้" มากที่สุด คุณแพ้อะไรบ้าง?
จัดอันดับ 10 สิ่งที่คนเอเชียแพ้บ่อยที่สุด ปี 2025 (ทั้งอาหารและสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ)
ในช่วง 10–20 ปีที่ผ่านมา โรคภูมิแพ้ในเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเด็กเมืองใหญ่ ทั้งจากอาหารที่กินทุกวันและสารก่อภูมิแพ้ที่ลอยอยู่ในอากาศ ข้อมูลอัปเดตถึงปี 2024–2025 ชี้ให้เห็นว่า คนเอเชียแพ้อาหารทะเล นม ไข่ ปลา และข้าวสาลีมากขึ้น ขณะเดียวกันไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ขี้ไคลสัตว์เลี้ยง และแมลงสาบก็ยังเป็นตัวการสำคัญของโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ
ลำดับ 10 อันดับต่อไปนี้อ้างอิงจากงานวิจัยและรีวิวในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก โดยจัดเรียงตาม “ความถี่ที่พบ” และ “ความรุนแรง” ของอาการ เช่น การเกิดภาวะแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (anaphylaxis) และโรคหอบหืดจากภูมิแพ้ ทั้งนี้ลำดับอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
ภาพรวม 10 อันดับสิ่งที่คนเอเชียแพ้บ่อยในปี 2025
- อันดับ 1: อาหารทะเลเปลือกแข็ง (Shellfish – กุ้ง ปู หอย) – สาเหตุสำคัญของภูมิแพ้อาหารและ anaphylaxis ในผู้ใหญ่ในหลายประเทศเอเชีย
- อันดับ 2: นมวัวและผลิตภัณฑ์นม – พบบ่อยในทารกและเด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 5 ปี
- อันดับ 3: ไข่ไก่ – หนึ่งในภูมิแพ้อาหารอันดับต้นๆ ของเด็กเล็กในจีน เกาหลี และญี่ปุ่น
- อันดับ 4: ปลา – พบในทั้งเด็กโตและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่บริโภคปลาสูง
- อันดับ 5: ข้าวสาลี (Wheat) – สาเหตุสำคัญของ anaphylaxis ในเด็กและผู้ใหญ่ในญี่ปุ่น เกาหลี และไทย
- อันดับ 6: ถั่วเหลือง (Soy) – พบในเด็ก แต่ความชุกต่ำกว่า นม ไข่ ปลา และข้าวสาลี
- อันดับ 7: ถั่วลิสง (Peanut) – ความชุกไม่สูงเท่าตะวันตก แต่ยังทำให้เกิดอาการรุนแรงในบางราย
- อันดับ 8: ไรฝุ่นในบ้าน (House Dust Mites) – ตัวการหลักของหอบหืดและโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ในเอเชีย
- อันดับ 9: เกสรดอกไม้ (Pollen) – โดยเฉพาะเกสรสนญี่ปุ่นและวัชพืชบางชนิดในเอเชียตะวันออก
- อันดับ 10: ขี้ไคลและสะเก็ดผิวสัตว์เลี้ยง (Animal Dander) – จากสุนัขและแมวที่เลี้ยงในบ้าน เพิ่มขึ้นตามเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในเมือง
ภูมิแพ้อาหาร 7 อันดับแรกที่คนเอเชียเจอบ่อย
อันดับ 1: อาหารทะเลเปลือกแข็ง (Shellfish – กุ้ง ปู หอย)

อาหารทะเลเปลือกแข็งเป็นภูมิแพ้อาหารอันดับหนึ่งในหลายประเทศเอเชีย เช่น ไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีนตอนใต้ พบได้ตั้งแต่เด็กโตจนถึงผู้ใหญ่ และเป็นสาเหตุสำคัญของการแพ้รุนแรงถึงขั้นช็อก (anaphylaxis) ที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล
- พบการแพ้ในประชากรบางกลุ่มได้ตั้งแต่ประมาณ 5–13% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน
- อาการ: ผื่นลมพิษ หน้าบวม ปากบวม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไปจนถึงความดันตกและช็อก
- มักมีการแพ้ข้าม (cross-reactivity) กับไรฝุ่นหรือแมลงสาบ เพราะโปรตีนอยู่ในกลุ่มใกล้เคียงกัน
- ต้องระวังทั้งเนื้อกุ้ง ปู หอย รวมถึงน้ำซุป น้ำปลาบางชนิด ผงปรุงรสทะเล และอาหารที่ใช้กุ้งแห้งเป็นส่วนผสม
อันดับ 2: นมวัวและผลิตภัณฑ์นม
นมวัวเป็นภูมิแพ้อาหารที่พบบ่อยมากในทารกและเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วงอายุต่ำกว่า 3–5 ปี ความชุกโดยรวมอยู่ประมาณ 1–2% ในหลายประเทศเอเชีย และมักลดลงเมื่อเด็กโตขึ้น
- อาการ: ผื่นลมพิษ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง เลือดออกในอุจจาระ หรือผื่นผิวหนังอักเสบ
- เด็กจำนวนหนึ่งสามารถหายแพ้นมได้เมื่อเข้าสู่วัยเรียน แต่ควรอยู่ภายใต้การติดตามของแพทย์
- ต้องระวังผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด เช่น นมผง เนย ชีส โยเกิร์ต ไอศกรีม และอาหารแปรรูปที่มีนมผสมอยู่
อันดับ 3: ไข่ (โดยเฉพาะไข่ขาว)
ไข่จัดเป็นหนึ่งในภูมิแพ้อาหารหลักของเด็กเล็กในเอเชีย โดยเฉพาะในจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ความชุกอาจอยู่ในช่วงประมาณ 3–4% ในเด็กบางกลุ่ม และเกี่ยวข้องกับผื่นผิวหนังและปัญหาระบบหายใจในเด็กที่มีผิวแพ้ง่าย
- อาการ: ผื่นลมพิษ ผื่นแดงรอบปาก หน้าบวม อาเจียน หรือหายใจลำบาก
- บางรายแพ้เฉพาะไข่ดิบหรือไข่สุกไม่ทั่ว แต่สามารถกินไข่ที่ผ่านความร้อนสูงในขนมปังหรือเค้กได้
- มีแนวทางให้แนะนำไข่ในปริมาณน้อยอย่างระมัดระวังในเด็กกลุ่มเสี่ยง ภายใต้การดูแลของกุมารแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้
อันดับ 4: ปลา (Fish)
ภูมิแพ้ปลาพบได้ทั้งในเด็กโตและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศที่บริโภคปลาสูง เช่น เวียดนาม รัสเซียบางพื้นที่ และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายการศึกษาชี้ว่าการแพ้ปลาในเอเชียอาจพบบ่อยกว่าถั่วลิสง
- อาการ: คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ผื่นลมพิษ แน่นหน้าอก หรือช็อกในรายรุนแรง
- ต้องระวังทั้งเนื้อปลา ซุปปลา น้ำปลา ซอสหอยนางรม น้ำซุปก้างปลา และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปลาบดหรือปลาอบแห้ง
- บางคนแพ้เฉพาะปลาทะเลหรือปลาน้ำจืดบางชนิด แพทย์สามารถตรวจแยกด้วย skin prick test หรือตรวจ IgE จำเพาะรายชนิดได้
อันดับ 5: ข้าวสาลี (Wheat)
ในญี่ปุ่น เกาหลี และไทย ข้าวสาลีถูกจัดเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของ anaphylaxis และภาวะออกกำลังกายร่วมกับแพ้ข้าวสาลี (wheat-dependent exercise-induced anaphylaxis) พบได้ตั้งแต่เด็กโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยมีตั้งแต่อาการผื่นไปจนถึงหายใจไม่ออก
- อาการ: ผื่นลมพิษ คันตัว แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเมื่อกินอาหารที่มีแป้งสาลีแล้วออกกำลังกายหนักในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
- อาหารที่ต้องระวัง: ขนมปัง พาสต้า ราเม็ง อูด้ง แป้งชุบทอด เค้ก คุกกี้ และขนมกรุบกรอบหลายชนิด
- ควรแยกให้ชัดเจนระหว่างภูมิแพ้ข้าวสาลี ภาวะไวต่อกลูเตน และโรคเซลิแอค เพราะมีแนวทางดูแลต่างกัน
อันดับ 6: ถั่วเหลือง (Soy)
ภูมิแพ้ถั่วเหลืองพบได้ในเด็กเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มที่กินนมถั่วเหลืองหรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ความชุกโดยรวมถือว่าต่ำกว่านม ไข่ ปลา และข้าวสาลี และบางครั้งพบในรูปแบบการแพ้ข้ามกับถั่วลิสง
- อาการ: ผื่นแดง ลมพิษ ท้องเสีย ปวดท้อง อาเจียน หรือหายใจลำบากในรายที่รุนแรง
- ผลิตภัณฑ์ที่ต้องระวัง: เต้าหู้ นมถั่วเหลือง ซอสถั่วเหลือง มิโสะ เต้าเจี้ยว โปรตีนถั่วเหลืองในอาหารแปรรูป และผลิตภัณฑ์มังสวิรัติบางชนิด
- การวินิจฉัยควรทำโดยแพทย์ เนื่องจากผลตรวจภูมิแพ้บางครั้งอาจขึ้นแต่ไม่มีอาการจริง
อันดับ 7: ถั่วลิสง (Peanut)

ในเอเชีย ถั่วลิสงเป็นภูมิแพ้อาหารที่สำคัญ แต่อัตราการพบโดยรวมยังต่ำกว่าประเทศตะวันตก โดยในบางประเทศตัวเลขอยู่ราว 0.1–1.7% แม้จะไม่ใช่สาเหตุหลักของภูมิแพ้อาหารในภาพรวม แต่กรณีที่เกิดมักรุนแรงและต้องระวังเป็นพิเศษ
- อาการ: ผื่นลมพิษ หน้าบวม หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หรือช็อกหลังรับประทานถั่วลิสงหรือผลิตภัณฑ์ที่มีถั่วลิสง
- อาหารที่ต้องระวัง: ถั่วลิสงคั่ว ขนมถั่วลิสง น้ำจิ้มที่มีถั่วลิสง ผัดไทย ซอส หรือขนมขบเคี้ยวหลายชนิด
- มีแนวโน้มใช้แนวทางแนะนำถั่วลิสงในเด็กกลุ่มเสี่ยงอย่างระมัดระวังภายใต้การดูแลแพทย์ เพื่อลดโอกาสเกิดภูมิแพ้ถาวร
สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ 3 อันดับหลักในเอเชีย
อันดับ 8: ไรฝุ่นในบ้าน (House Dust Mites)
ไรฝุ่นถือเป็นตัวการสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หอบหืด และผื่นผิวหนังอักเสบในเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น เช่น ไทย จีน ไต้หวัน และเกาหลี ผู้ป่วยภูมิแพ้จำนวนมากมีผลตรวจไวต่อไรฝุ่น
- สายพันธุ์สำคัญ: Dermatophagoides pteronyssinus, Dermatophagoides farinae และ Blomia tropicalis
- อาการ: คัดจมูก จามบ่อย น้ำมูกใส คันตา ไอ หรือหอบเหนื่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- การดูแลเบื้องต้น: ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนด้วยน้ำร้อน หุ้มฟูกและหมอนกันไรฝุ่น ลดของสะสมฝุ่น เช่น ตุ๊กตาผ้า ม่านหนา และพรม
อันดับ 9: เกสรดอกไม้ (Pollen)

ภูมิแพ้เกสรดอกไม้มีความสำคัญมากในเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงบางพื้นที่ของจีนตอนเหนือ ตัวอย่างที่รู้จักกันดีคือเกสรสนญี่ปุ่น ซึ่งทำให้คนจำนวนมากมีอาการคล้ายหวัดภูมิแพ้ในฤดูใบไม้ผลิ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- อาการ: จามถี่ คัดจมูก น้ำมูกใส คันตา น้ำตาไหล บางรายอาจมีอาการหอบร่วมด้วย
- มักเป็นฤดูกาลชัดเจน แต่ฤดูเกสรมีแนวโน้มยาวนานขึ้นในหลายประเทศ
- วิธีรับมือ: ติดตามพยากรณ์เกสร ใช้หน้ากากและแว่นตา ลดการเปิดหน้าต่างในวันที่ค่าความเข้มข้นเกสรสูง
อันดับ 10: ขี้ไคลและสะเก็ดผิวสัตว์เลี้ยง (Animal Dander)
เมื่อวิถีชีวิตในเมืองของคนเอเชียหันมาเลี้ยงสุนัขและแมวในบ้านมากขึ้น การแพ้ขี้ไคลสัตว์เลี้ยงจึงพบได้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่มีประวัติครอบครัวเป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดอยู่แล้ว
- อาการ: คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันตา ผื่น ลมหายใจมีเสียงวี้ด หรือหอบเหนื่อยเมื่ออยู่ใกล้สัตว์เลี้ยง
- โปรตีนจากผิวหนัง ขน และน้ำลายของสัตว์สามารถลอยอยู่ในอากาศและติดตามเฟอร์นิเจอร์ พรม และผ้าม่าน
- การจัดการ: ทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ อาบน้ำสัตว์บ่อยขึ้น จำกัดสัตว์ออกจากห้องนอน และหากอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เรื่องการรักษาและทางเลือกการเลี้ยงสัตว์

ทำไมคนเอเชียถึงดู “แพ้กันมากขึ้น” ในปี 2025
- การขยายตัวของเมืองและไลฟ์สไตล์แบบเมือง – เด็กที่เติบโตในเมืองใหญ่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ อยู่ในห้องปิดนาน และสัมผัสธรรมชาติน้อย ทำให้เสี่ยงต่อภูมิแพ้มากขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ – ฤดูเกสรยาวนานขึ้นและความเข้มข้นของเกสรในอากาศสูงขึ้นในบางพื้นที่ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการถี่และรุนแรงกว่าเดิม
- รูปแบบอาหารและการแปรรูปอาหาร – อาหารสำเร็จรูปและซอสปรุงรสที่ซับซ้อน ทำให้ผู้บริโภคสัมผัสโปรตีนก่อภูมิแพ้จากนม ถั่ว ข้าวสาลี และอาหารทะเลในรูปแบบที่คาดไม่ถึง
- การวินิจฉัยที่แม่นยำขึ้น – การเข้าถึงแพทย์เฉพาะทาง การตรวจ IgE และ skin prick test ที่แพร่หลาย ทำให้เรารู้จำนวนผู้ป่วยจริงมากขึ้น ไม่ใช่เพราะโรคพึ่งเกิดใหม่เท่านั้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ “อันดับ 10 นี้”
- ลำดับนี้เป็นภาพรวมจากข้อมูลในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก ไม่ได้หมายความว่าเป็นอันดับเดียวกันในทุกประเทศ
- บางประเทศมีจุดเด่นต่างกัน เช่น อาหารทะเลสูงเป็นพิเศษในไทยและสิงคโปร์ ข้าวสาลีโดดเด่นในญี่ปุ่น ขณะที่ถั่วลิสงโดดเด่นในอเมริกาเหนือและยุโรป
- แมลงสาบ (cockroach) ยังคงเป็นสารก่อภูมิแพ้ในอากาศที่สำคัญในเมืองใหญ่ แต่ในลิสต์นี้เลือกนำ “ขี้ไคลสัตว์เลี้ยง” มาเป็นอันดับ 10 เพื่อสะท้อนวิถีชีวิตการเลี้ยงสัตว์ในบ้านที่เพิ่มขึ้น
- ตัวเลขความชุก (prevalence) ในแต่ละงานวิจัยอาจแตกต่างกัน ขึ้นกับวิธีเก็บข้อมูลและกลุ่มตัวอย่าง แต่อันดับโดยรวมสอดคล้องกับกลุ่มสารก่อภูมิแพ้หลักที่พบในเอเชีย
หากสงสัยว่าตัวเองหรือคนในบ้านเป็นภูมิแพ้ ควรทำอย่างไร
- จดบันทึกอาการ – ดูว่าอาการเกิดขึ้นเมื่อไร หลังจากกินอะไร หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใด เช่น อยู่ใกล้สัตว์เลี้ยง ในห้องที่มีฝุ่น หรือช่วงดอกไม้บาน
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้ – เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย และพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น skin prick test หรือการตรวจ IgE เฉพาะชนิด
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้เท่าที่ทำได้ – ปรับเมนูอาหาร อ่านฉลากอย่างละเอียด ลดฝุ่นในห้องนอน และจัดการสภาพแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสม
- เตรียมแผนรับมือภาวะแพ้รุนแรง – หากเคยมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หน้ามืด หรือช็อก ควรพกยาฉุกเฉินตามแพทย์สั่ง และแจ้งคนรอบข้างให้รู้วิธีช่วยเหลือ
- ระมัดระวังการงดอาหารในเด็กเล็ก – ไม่ควรงดอาหารกลุ่มเสี่ยงเองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจทำให้ขาดสารอาหาร และในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ “แนะนำอาหารแต่เนิ่นๆ อย่างปลอดภัย” เพื่อลดโอกาสเกิดภูมิแพ้