หลอดเลือดรับไม่ไหว! วิจัยเผย 4 เครื่องดื่มที่ทำให้ "เลือดข้นเหมือนโจ๊ก" เพิ่มเสี่ยงสโตรก
เครื่องดื่มทำให้เลือดข้น 4 ประเภท เสี่ยง “เลือดข้น” เพิ่มโอกาสโรคหลอดเลือดสมอง
หลายคนอาจไม่รู้ว่าเครื่องดื่มบางชนิดที่ดื่มเป็นประจำทุกวัน สามารถทำให้เลือด “ข้นและหนืดขึ้น” ได้จริง เมื่อเลือดข้น การไหลเวียนเลือดจะติดขัด หัวใจทำงานหนักขึ้น และเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมองที่อาจเกิดขึ้นเฉียบพลันแบบไม่ทันตั้งตัว การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้เลือดข้นจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลหัวใจและหลอดเลือดที่ไม่ควรมองข้าม
การรักษาความข้นใสของเลือดให้อยู่ในระดับเหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดแรงต้านการไหลเวียนของเลือดและลดภาระหัวใจ งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า เมื่อเลือดมีความหนืดมากขึ้น จะเร่งการเสื่อมของผนังหลอดเลือด และเพิ่มความเสี่ยงต่อเหตุการณ์หัวใจและหลอดเลือดรุนแรง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้นการรู้ทันเครื่องดื่มที่อาจทำให้เลือดข้นจึงเป็นเกราะป้องกันสุขภาพที่ทุกคนควรใส่ใจ
เลือดข้นคืออะไร ทำไมจึงอันตราย?
คำว่า “เลือดข้น” ในทางการแพทย์หมายถึงภาวะที่เลือดมีความหนืดสูงกว่าปกติ ทำให้ไหลเวียนได้ช้าลงและยากขึ้น เม็ดเลือดและไขมันในเลือดที่มีมากเกินไปอาจจับตัวกันเป็นก้อนเล็ก ๆ ภายในหลอดเลือด เมื่อก้อนเหล่านี้ไปอุดตันหลอดเลือดที่สมองหรือหัวใจ ก็อาจก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เลือดข้นคือ “พฤติกรรมการดื่ม” โดยเฉพาะการดื่มเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้ไขมันในเลือดสูง กระตุ้นเกล็ดเลือดเกาะกลุ่ม หรือทำให้ร่างกายขาดน้ำ หากดื่มต่อเนื่องเป็นเวลานาน ความเสี่ยงเลือดข้นและโรคหลอดเลือดสมองย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
1. เครื่องดื่มหวาน น้ำตาลสูง
เครื่องดื่มหวานอย่างน้ำอัดลม โคล่า น้ำผลไม้บรรจุกล่อง และเครื่องดื่มปรุงสำเร็จที่มีน้ำตาลสูง ถูกยืนยันจากงานวิจัยหลายชิ้นว่าเกี่ยวข้องกับภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ การวิเคราะห์ในวารสารด้านโภชนาการปี 2022 พบว่า ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มหวานวันละมากกว่าหนึ่งกระป๋อง มีระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์สูงกว่าคนที่ดื่มน้อยหรือไม่ดื่มอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อน้ำตาลส่วนเกินเข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายจะส่งไปให้ตับเปลี่ยนเป็นไขมัน ส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น เลือดจึงมีความหนืดมากขึ้น การไหลเวียนช้าลง และเมื่อเลือดข้นขึ้นก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง การลดปริมาณน้ำอัดลม หรือน้ำหวานที่ดื่มในแต่ละวัน จึงเป็นก้าวแรกในการลดความเสี่ยงเลือดข้นที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน
2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สมาคมโรคหัวใจอเมริกัน (AHA) ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์กับโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นเรื่อง “ซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียง” อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนคือ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือดื่มต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดหลายด้านและเพิ่มความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
แอลกอฮอล์ทำให้เกล็ดเลือดมีแนวโน้มเกาะกลุ่มกันง่ายขึ้น ขณะเดียวกันการดื่มหนักและดื่มเรื้อรังยังรบกวนการทำงานของตับ ทำให้การสร้างโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือดเสียสมดุล เมื่อระบบนี้ถูกรบกวน โอกาสการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดย่อมสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของโรคหลอดเลือดสมองและภาวะเลือดข้นที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
3. เครื่องดื่มชูกำลัง
เครื่องดื่มชูกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการความตื่นตัวเร่งด่วน แต่ภายในกระป๋องเล็ก ๆ นั้นมักอัดแน่นไปด้วยคาเฟอีน น้ำตาล และสารกระตุ้นอย่างทอรีนหรือสารสกัดโสม หน่วยงานด้านสาธารณสุขรวมทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เตือนอย่างต่อเนื่องถึงความเสี่ยงต่อหัวใจและหลอดเลือดจากการดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้
คาเฟอีนและสารกระตุ้นในปริมาณสูงทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ นอกจากนี้คาเฟอีนยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ หากดื่มบ่อยแต่ดื่มน้ำเปล่าน้อย เลือดจะยิ่งข้นและหนืดมากขึ้น งานวิจัยบางส่วนยังพบว่าเครื่องดื่มชูกำลังส่งผลเสียต่อเยื่อบุผนังหลอดเลือด และกระตุ้นฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอล ซึ่งส่งเสริมการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดได้
4. น้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล ไม่มีแคลอรี
หลายคนเชื่อว่าน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มสูตร “ไม่มีน้ำตาล ไม่มีแคลอรี” เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า แต่ข้อมูลจากงานวิจัยใหม่ ๆ กลับชี้ให้เห็นอีกมุมหนึ่ง งานวิจัยขนาดใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke เมื่อปี 2019 พบว่า ผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานมากกว่าวันละสองแก้ว มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองสูงขึ้นราว 23% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม
งานวิจัยปี 2024 ยังพบว่าสารให้ความหวานสังเคราะห์บางชนิด เช่น erythritol ซึ่งใช้ในเครื่องดื่มไร้น้ำตาลหลายประเภท สามารถเพิ่มแนวโน้มการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดสูงขึ้น ผลกระทบของสารให้ความหวานต่อเลือดและหัวใจในระยะยาว แม้จะยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าควรดื่มอย่างระมัดระวัง ไม่ควรมองว่าเป็นเครื่องดื่ม “ปลอดภัยเต็มร้อย” แทนน้ำเปล่า
- ไข่ต้ม vs ไข่ตุ๋น กินแบบไหนดีกว่า หลายคนเข้าใจผิดมาตลอด โดยเฉพาะสุขภาพผู้สูงอายุ!
- เทียบเป็นข้อๆ สรุปให้กระจ่าง น้ำเย็น vs น้ำอุณหภูมิห้อง เลือกดื่มตอนไหนดีที่สุด?!
ปกป้องหลอดเลือด ลดเสี่ยง “เลือดข้น” ด้วยการเลือกดื่มอย่างฉลาด
การดูแลหลอดเลือดและป้องกันภาวะเลือดข้นไม่ได้ซับซ้อนเกินไป จุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดคือการดื่ม “น้ำเปล่า” ให้เพียงพอตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยรักษาความข้นใสและการไหลเวียนเลือดให้เป็นปกติ ควบคู่ไปกับการลดปริมาณเครื่องดื่มทั้งสี่กลุ่มนี้ให้เหลือน้อยที่สุด หรือเลี่ยงได้ยิ่งดี
นอกจากนี้ สามารถเลือกดื่มชาสมุนไพรไม่หวาน น้ำแร่ หรือน้ำเปล่าบีบเลมอนเล็กน้อยแทนเครื่องดื่มหวานหรือเครื่องดื่มชูกำลัง การอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้อ และไม่หลงเชื่อคำว่า “ไม่มีน้ำตาล” โดยไม่ดูส่วนผสมอื่น ๆ ก็ช่วยลดโอกาสที่เลือดจะข้นและป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ในระยะยาว เมื่อเข้าใจว่าเครื่องดื่มบางชนิดอาจทำให้เลือดข้น เราก็สามารถเลือกสิ่งที่ดีกว่าให้หัวใจและหลอดเลือดของตัวเองได้ทุกวัน

อ้างอิง