เนื้อหาในหมวด ข่าว

ทำไม? คนโกงมักเลือก \

ทำไม? คนโกงมักเลือก "หักหลังเพื่อน" จิตวิทยาชี้เหตุผลแรง รู้แล้วยิ่งใจชา-เจ็บลึกจริง

หักหลังเพื่อน! เปิดเหตุผล 'คนโกง' มักเลือกหลอกคนใกล้ชิด อธิบายด้วยหลักจิตวิทยาลึก

ความเสียหายใหญ่หลวงมักมาจากคนใกล้ตัว! งานวิจัยจิตวิทยาชี้ชัด ทำไมผู้หลอกลวงถึงเลือก "หักหลังเพื่อนสนิท" ญาติ หรือเพื่อนร่วมงาน เจาะ 6 ช่องโหว่ทางใจที่ทำให้เหยื่อตายใจและไม่ทันระวังตัว

ในสังคมที่ความไว้ใจคือรากฐาน การถูกหักหลังจากคนใกล้ชิดมักสร้างบาดแผลที่ลึกและเจ็บปวดกว่าการถูกหลอกโดยคนแปลกหน้า งานวิจัยด้านจิตวิทยาชี้ว่า ผู้หลอกลวงหรือคนโกงมักเลือกเหยื่อที่เป็นเพื่อน ญาติสนิท หรือเพื่อนร่วมงาน เพราะช่องโหว่ทางจิตใจที่เกิดจากความสนิทสนมนี้เอง

บทความนี้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งวิจัยที่น่าเชื่อถือ เพื่ออธิบายเหตุผลหลักที่ทำให้คนโกงมุ่งเป้าไปที่คนใกล้ชิด

1. 'ความไว้ใจทันที' (Swift Trust) คือเกราะป้องกันที่หายไป

ตามหลักจิตวิทยาสังคม มนุษย์มีแนวโน้มที่จะไว้วางใจคนที่รู้จักกันดีโดยอัตโนมัติ เรียกว่า "Familiarity Bias" หรือ "Swift Trust"

ความสนิทสนมนี้เองที่ทำให้เหยื่อไม่ค่อยตรวจสอบข้อมูล หรือตั้งคำถามกับคำพูดของคนใกล้ชิด ข้อมูลจาก FBI ในปี 2024 ระบุว่าผู้สูงอายุที่สูญเงินจากการหลอกลวงกว่า 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่ถูกหลอกจากคนรู้จักในชุมชนสูงถึง 60% เพราะความไว้ใจนี้ลดการป้องกันตัวเอง ทำให้คนโกงเข้าถึงได้ง่ายและประสบความสำเร็จสูงกว่ามาก

2. รู้ลึกทุกเรื่อง! ออกแบบกลโกงให้ "ตรงจุดอ่อน"

คนโกงที่เป็นคนใกล้ชิดมักมีข้อมูลส่วนตัวมากมาย (Information Asymmetry) เช่น ฐานะการเงิน ความฝัน ความกลัว หรือปัญหาครอบครัว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสามารถปรับแต่งเรื่องโกหกให้ตรงกับจุดอ่อนของเหยื่อได้อย่างแนบเนียน

ตัวอย่าง: หากรู้ว่าเพื่อนมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการศึกษา ก็อาจเสนอ "โอกาสลงทุนด้านการศึกษา" ที่ดูน่าเชื่อถือ ทำให้เหยื่อรู้สึกว่าโอกาสนี้ "ถูกออกแบบมาเพื่อตัวเอง" ซึ่งเพิ่มอัตราความสำเร็จในการหลอกลวงอย่างมาก

3. สร้าง 'หนี้บุญคุณ' ด้วยจิตวิทยา (Reciprocity Norm)

ตามทฤษฎี "Reciprocity Norm" ของ Robert Cialdini มนุษย์มีแนวโน้มที่จะตอบแทนความดีที่ได้รับเสมอ คนโกงจึงมักใช้เทคนิคที่คล้าย "Grooming" (การสร้างความสัมพันธ์เพื่อหวังผลประโยชน์) โดยเริ่มจากการช่วยเหลือเล็กน้อย เช่น แนะนำงาน ให้คำปรึกษา หรือทำดีด้วยอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเหยื่อรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ก็จะปฏิเสธได้ยากเมื่อถึงเวลาที่คนโกงขอความช่วยเหลือใหญ่ เช่น ขอเงินกู้ หรือชวนลงทุน ซึ่งหลักการนี้ถูกยืนยันว่าใช้ได้ผลอย่างแพร่หลาย แม้ใน Phishing Scams ที่ส่งถึงคนใกล้ชิด

4. 'บุคลิกภาพมืด' (Dark Triad) ที่สนุกกับการทำร้ายคนที่ไว้ใจ

ผู้หลอกลวงบางรายมีลักษณะบุคลิกภาพมืด (Dark Triad) โดยเฉพาะ Machiavellianism (ชอบบงการ) และ Psychopathy (ขาดความเห็นอกเห็นใจ)

บุคคลเหล่านี้มักรู้สึก "เหนือกว่า" เมื่อสามารถหลอกคนที่ไว้ใจตนได้สำเร็จ และบางรายอาจได้รับความสุขจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ Psychology Today ระบุว่า บุคคลที่มี Dark Triad จะมุ่งเป้าไปที่คนใกล้ชิดและเพื่อนร่วมงาน เพราะเข้าถึงง่ายและให้ผลประโยชน์สูงสุด โดยไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี

5. โอกาสเข้าถึงสูง หลอกลงทุนได้ง่าย

การเจอกันบ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน เช่น ที่ทำงาน หรือกลุ่มสังคม ช่วยให้คนโกงมีโอกาสเข้าถึงและสร้างความผูกพันได้ตลอดเวลา รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ปี 2023 ระบุว่า การหลอกลงทุนส่วนใหญ่ในไทยเกิดจากคนรู้จัก โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่าแสนล้านบาทในปี 2024

6. ความเสี่ยงต่ำ เพราะเหยื่อมัก 'เงียบ'

เหยื่อที่ถูกหลอกโดยคนใกล้ชิดมักตกอยู่ในภาวะอับอาย กลัวเสียหน้า หรือกลัวความยุ่งยากในครอบครัว ทำให้ตัดสินใจไม่แจ้งความ หรือไม่เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ความเงียบนี้เป็นเกราะป้องกันชั้นดีของคนโกง ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงต่ำที่จะถูกจับกุม รายงานจาก Citizens Advice ในสหราชอาณาจักร พบว่าการหลอกลวงที่มาจากคนรู้จักมีอัตราการแจ้งเบาะแสต่ำมากเพราะปัจจัยทางอารมณ์และสังคมนี้เอง

วิธีป้องกันตัวเองจากคนโกงที่ "สนิท"

แม้คนโกงจะเลือกคนใกล้ชิดเพราะกำไรมากและเสี่ยงน้อย แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนมุมมองทางจิตวิทยา:

  • หยุด Swift Trust: ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้ง แม้จะมาจากคนที่ไว้ใจมากก็ตาม
  • ใช้เหตุผลนำอารมณ์: หลีกเลี่ยงการตัดสินใจทางการเงินแบบเร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่อมีการอ้างอิงถึงหนี้บุญคุณหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว
  • อย่าอับอาย: หากสงสัยว่าถูกหลอก ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อปกป้องตัวเองและหยุดยั้งคนโกงไม่ให้ทำร้ายคนอื่นต่อไป