เนื้อหาในหมวด ข่าว

OECD เผยรายงาน STI Outlook 2025 ที่ผู้นำคิดนโยบายทั่วโลกต้องให้ความสนใจ

OECD เผยรายงาน STI Outlook 2025 ที่ผู้นำคิดนโยบายทั่วโลกต้องให้ความสนใจ

องค์การ OECD ได้เผยแพร่รายงาน Science, Technology and Innovation Outlook 2025

ปลายตุลาคมที่ผ่านมา องค์การ OECD ได้เผยแพร่รายงาน Science, Technology and Innovation Outlook 2025 ซึ่งกลายเป็นกรอบยุทธศาสตร์ให้ผู้นำคิดนโยบายทั่วโลกต้องให้ความสนใจ รายงานฉบับนี้เป็นบทวิเคราะห์เชิงโครงสร้างของโลก STI ที่สะท้อนแรงกระเพื่อมภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำยุค—จากบทบาทมหาอำนาจ ไปจนถึงกลไกนวัตกรรมที่กำลังถูกท้าทาย

ช่วงเวลาที่รายงานนี้ออกตรงกับจังหวะการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองไทยที่กำลังเฟ้นหานโยบายใหม่รับการเลือกตั้งปี 2569 เป็นโอกาสสำคัญที่ทีมนโยบายแต่ละพรรคจะหยิบข้อมูลเหล่านี้มาต่อยอด เพราะประเด็นวางอนาคตประเทศด้วยองค์ความรู้—แทนการขับเคลื่อนด้วยอำนาจการเมืองหรือผลประโยชน์กลุ่ม—คือคำตอบของยุคสมัยที่การเปลี่ยนแปลงรุนแรงและซับซ้อนขึ้นทุกขณะ

รายงานนี้ไม่ได้หยุดที่สถิติหรือแนวโน้มพื้นฐาน แต่ตั้งเป้า “เปลี่ยนผ่านระบบ STI อย่างเป็นระบบ (Systemic Transformation)” มุ่งให้ภาคนโยบายหันกลับมาทบทวนบทบาทใหม่—จากการบริหารแยกส่วนรายสาขา สู่ ecosystem แบบบูรณาการ ที่เชื่อม upstream–downstream และข้ามศาสตร์ พร้อมนำข้อมูลและ strategic foresight มาสร้าง agility รับมือความท้าทายจริง ไม่ใช่คิดอยู่ในกรอบเก่า

ธีมสำคัญปีนี้ คือ “การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ” และ “การปรับตัวอย่างมีชั้นเชิงต่อความไม่แน่นอน” ระบบ STI ถูกเรียกร้องให้สร้างความยืดหยุ่น กลไกตรวจสอบ โปร่งใสด้านการลงทุน ขยายโอกาสจากกลุ่มกลางสู่รอบข้าง สร้างความครอบคลุมใหม่แก่ ecosystem นวัตกรรมในทุกระดับ

OECD กระตุ้นให้ประเทศสมาชิกพัฒนาฐานข้อมูลและโครงสร้างหลักฐานที่ครอบคลุม ecosystem ทุกสาย ขับเคลื่อนนโยบายด้วย policy experimentation และ strategic foresight พร้อมเน้นความร่วมมือในเทคโนโลยีเกิดใหม่กับการจัดระบบรับมือภูมิรัฐศาสตร์ลื่นไหล—ขยายผลนวัตกรรม “จากศูนย์กลางสู่ชายขอบ” อย่างแท้จริง

ประเด็นหลักที่รายงานเน้นย้ำ

  • การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ: นโยบาย STI ต้องออกแบบใหม่ให้ครอบคลุม ecosystem ทั้งระบบ ข้ามสาย upstream–downstream และลงทุนสร้าง data infrastructure ระดับสูง
  • งบวิจัยและการลงทุน: งบภาครัฐใน OECD ถอยหลัง รัฐต้องผสานทุนตรงกับสิทธิประโยชน์ภาษี กระตุ้นเงินเอกชนและ VC (crowd-in mechanism) เพื่อผลัก ecosystem ให้ออกนอกวงจรการกระจุกตัว
  • ความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์: ยุทธศาสตร์ใหม่ของเทคโนโลยี—AI, bio, quantum—เดินคู่กับความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ การออกแบบนโยบายต้องหาสมดุลระหว่างการปกป้องกับการผลักดันความร่วมมือข้ามชาติ
  • ขยายโอกาสนวัตกรรม: นวัตกรรมยังอยู่ในมือรายใหญ่/เมืองหลัก OECD เสนอสร้างเครื่องมือเปิดโอกาส SME และภูมิภาคใหม่ ร่วมขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมแบบ inclusiveness
  • ปฏิรูป public science: ผลักดันระบบสหสาขา、เส้นทางอาชีพข้ามภาคส่วน citizen science สื่อสารกับสังคม—สร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้พร้อมรองรับองค์ความรู้หลากหลาย
  • เทคโนโลยีเกิดใหม่และ convergence space: สร้าง collaborative platform รวมมือสหสาขา (AI, ควอนตัม, bio ฯลฯ) นำ ecosystem-based policy แทน sector-based สำหรับสร้างความเชื่อมโยงเชิงลึก
  • นโยบาย agile และ anticipatory: Strategy foresight การทดลองนโยบายจริง ติดตามผลอย่างเป็นระบบ ขับพลิก paradigm การขับเคลื่อนของรัฐบาล
  • มิติการลงทุนเอกชนและ VC ที่รายงานฉบับนี้ชี้ชัด

    การเปลี่ยนระบบนวัตกรรมในยุคนี้ต้องอาศัยทุนร่วมจากเอกชนและ VC ไม่ใช่ขับเคลื่อนด้วยงบรัฐอย่างเดียว รายงาน OECD อธิบายโดยตรงว่า ecosystem นวัตกรรมต้องได้รับแรงช่วยจากกลไก crowd-in: รัฐจูงใจทุน VC และบริษัทเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อลบกำแพงเดิม ๆ ให้ SME และกลุ่มใหม่เข้าสู่ ecosystem ได้จริง ไม่ปล่อยโอกาสกระจุกกับรายใหญ่ มีการเน้นว่าความร่วมมือรัฐ–เอกชน–VC คือหัวใจสำคัญของการขยายผลและ diffusion เทคโนโลยีใหม่ การแข่งขันด้านเทคโนโลยียุทธศาสตร์—AI, bio, quantum—ต้องใช้ทุน VC ดึง risk appetite ใหม่ ๆ เข้าถึงความฝันของผู้ประกอบการรุ่นใหม่

    มุมมองต่อสถานการณ์ไทย

    ในฐานะคนติดตามนโยบายด้า่นนี้มาตั้งแต่ยังละอ่อน ผมเห็น 3 จุดวิกฤตซ้ำซากที่อยากฝากไปถึงพรรคการเมืองและนักวางยุทธศาสตร์:

  • Gross Expenditure on Research and Development (GERD) ไทย “อันดับหนึ่งของโลก” ในสัดส่วนเอกชนสูงสุด ไม่ดีอย่างที่คิด รัฐยังทุ่มทุนน้อยมากในการลงทุนกับอนาคตของประเทศด้าน STI หากปล่อยให้เอกชนฮึกเหิมอย่างเดียว ขณะที่รัฐถอย การบ่นบริษัทใหญ่ก็ไม่ช่วย เพราะรัฐเองยังไม่ทำหน้าที่
  • งบประมาณที่วนในกระเป๋าซ้ายไปขวา ระเบียบจัดสรรซ้ำซ้อน เงินไหลวนอยู่ในระบบของหน่วยงานรัฐ รายย่อยและสตาร์ทอัพแทบไม่ได้รับประโยชน์ เพราะผลิตภัณฑ์ทางการเงินของรัฐ “เหี่ยวเฉา” กลัวล้มเหลว กลัวถูกตรวจสอบ ทำให้นโยบายขาด impact
  • Risk Appetite เอกชนต่ำ ตลาดทุนและ VC ไทยเน้นลงทุนบริษัทที่โตแล้ว มีรายได้ ไม่กล้าเสี่ยง เมื่อข้อ 1–2 ไม่เปลี่ยน เงินเอกชนจำนวนมากก็ไม่เป็นสะพานดาวให้บริษัทนวัตกรรมใหม่ ๆ โตในประเทศ โอกาส “ไทยเป็นชาตินวัตกรรม” ก็ร่อยหรอลงไปตามโครงสร้างนี้
  • บทสรุปรายงานฉบับนี้คือการท้าทายระบบเดิม ให้ทุกฝ่าย—ทั้งผู้กำหนดนโยบายและผู้ลงทุน—ร่วมกันเปลี่ยนแปลง ecosystem นวัตกรรมอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้โอกาสกระจุกแต่ศูนย์กลาง หรือวางนโยบายเชิงรับแบบเดิม ๆ หากหยิบสาระจากรายงานนี้ ปรับเข้ากับโครงสร้างไทย โอกาสเคลื่อนประเทศด้วยทุนความรู้และนวัตกรรม ก็อาจอยู่ไม่ไกล

    ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ CEO บริษัท Canvas Ventures International

    22 พฤศจิกายน 2025

  • oecd.org