นำ "กิ่งไม้ประหลาด" ให้กูรูประเมินค่า อ้างขอทานให้ ถูกสวนกลางรายการ "คุณโกหก!"
หญิงชาวไร่นำ “กิ่งไม้ประหลาด” ไปให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินค่า อ้างคนขอทานให้ แต่ถูกสวนกลางรายการ “คุณโกหก!”
รายการตรวจสอบของเก่าที่ประเทศจีนกลายเป็นพื้นที่ที่หลายคนฝากความหวัง ทั้งเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และเพื่อตอบคำถามในใจว่า “ของที่เก็บไว้มานาน เป็นสมบัติล้ำค่าหรือไม่”
หนึ่งในเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงมาก คือกรณีหญิงชาวไร่นำวัตถุคล้าย “กิ่งไม้ประหลาด” ไปให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินราคา พร้อมเล่าเรื่องซึ้งกินใจว่าของชิ้นนี้ได้มาจากชายขอทานที่ครอบครัวเคยช่วยเหลือ
แต่จากเรื่องราวซาบซึ้งกลับกลายเป็นเหตุการณ์ช็อกทั้งสตูดิโอ เมื่อผู้เชี่ยวชาญกลับลุกขึ้นตอกกลางรายการว่า “คุณโกหก!” ทำเอาผู้ชมและพิธีกรถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนที่ความจริงเบื้องหลัง “กิ่งไม้ล้ำค่า” จะถูกเปิดเผยในที่สุด
หญิงชาวไร่กับ “กิ่งไม้ประหลาด” ที่เชื่อว่าเป็นสมบัติจากคนขอทาน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรายการหนึ่งที่ออกอากาศเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 หญิงชาวไร่คนหนึ่งอุ้มวัตถุคล้ายกิ่งไม้แปลกตาขึ้นเวที ลำต้นมีการปั้นเป็นรูปผลคล้ายลูกพีชประดับอยู่หลายลูก ดูผิดแปลกไปจากของเก่าทั่วไปจนแม้แต่แฟนรายการที่ติดตามมานานยังบอกว่าไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน
เธอเล่าย้อนความหลังสมัยเด็กว่า ช่วงนั้นหมู่บ้านกำลังขาดแคลนอาหาร มีชายขอทานคนหนึ่งแวะมาขอข้าวกิน พ่อของเธอเกิดความสงสารจึงให้ทั้งอาหารและเงินติดตัวไปอีกเล็กน้อย ชายขอทานซาบซึ้งในน้ำใจ จึงยก “กิ่งไม้ลึกลับ” ชิ้นนี้ให้ครอบครัว พร้อมกำชับว่าเป็นของมีค่าและขอให้เก็บรักษาไว้ให้ดี
หลังจากบิดาเสียชีวิต หญิงคนนี้ก็ยังคงเก็บของชิ้นนี้ติดตัวเสมอ เธอยอมรับว่าชอบสะสมของเก่าแต่ไม่เคยรู้มูลค่าที่แท้จริงของมันเลย ลึกๆ หวังว่ามันอาจเป็นของล้ำค่า และหากเป็นเช่นนั้นก็อยากเก็บไว้เป็นสมบัติประจำตระกูล จึงตัดสินใจนำขึ้นเวทีมารอคำวินิจฉัยจากผู้เชี่ยวชาญ
บรรยากาศซาบซึ้งพลิกผัน เมื่อผู้เชี่ยวชาญตะโกนกลางรายการ “คุณโกหก!”
พิธีกรที่ฟังเรื่องราวอยู่ถึงกับพยักหน้าตามด้วยความประทับใจ ขณะที่ผู้ชมในสตูดิโอก็สัมผัสได้ถึงความกตัญญูและความผูกพันของเธอที่มีต่อพ่อ แต่บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความซึ้งกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหลังผู้เชี่ยวชาญเริ่มลงมือตรวจสอบวัตถุอย่างละเอียด
ในตอนแรกผู้เชี่ยวชาญรับวัตถุไปตรวจสอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่ยิ่งมอง สีหน้าของเขายิ่งเคร่งเครียดขึ้น เขาใช้นิ้วถูดินที่ติดอยู่บนผิวอย่างเบามือ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองหญิงชาวไร่อย่างจริงจัง แววตานั้นต่างจากตอนเริ่มต้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทุกคนเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
จากนั้นเขาก็ทุบโต๊ะเบาๆ พร้อมกล่าวเสียงเข้มว่า “คุณโกหก! ของชิ้นนี้ไม่ใช่ของที่คนขอทานให้แน่นอน!” เสียงนั้นทำให้ทั้งสตูดิโอเงียบลงทันที พิธีกรถึงกับชะงักไป ไม่คิดว่าผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นชื่อว่าใจเย็นและสุภาพ จะใช้คำพูดรุนแรงเช่นนี้กับแขกรับเชิญบนเวที

คำอธิบายของผู้เชี่ยวชาญ และการยอมรับความจริง
หญิงชาวไร่ตกใจจนตัวสั่น เธอเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนกว่า “ทำไม… ทำไมคุณถึงรู้ได้?” ผู้เชี่ยวชาญจึงค่อยๆ อธิบายว่า ดินที่ติดอยู่บนวัตถุยังมีสภาพใหม่มาก ทั้งสีและลักษณะของเนื้อดินแสดงให้เห็นชัดว่าเพิ่งถูกขุดขึ้นมาได้ไม่นาน ไม่ได้ผ่านกาลเวลาหลายสิบปีตามเรื่องที่เธอเล่า
เขาย้ำว่า หากของชิ้นนี้ถูกเก็บไว้ในบ้านนานตั้งแต่สมัยเธอยังเป็นเด็ก ดินที่เกาะอยู่จะต้องมีสภาพต่างไปจากนี้มาก ทั้งในแง่ชั้นดิน การสะสมของฝุ่น และสภาพผิวเคลือบโดยรอบ จึงสรุปได้ว่า “ต้นที่มาที่เธอเล่าไม่ตรงกับความจริง ของชิ้นนี้เป็นของที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาจากใต้ดิน ไม่ใช่ของที่คนขอทานเคยมอบให้”
เมื่อถูกจับพิรุธได้ต่อหน้าผู้ชม หญิงชาวไร่สุดท้ายก็ยอมรับความจริง เธอเปิดเผยว่าจริงๆ แล้ว “กิ่งไม้ประหลาด” นี้เป็นของที่สามีขุดเจอจากกองดินบนภูเขา เพราะกลัวว่าหากเล่าเรื่องตรงๆ คนในหมู่บ้านจะรู้ข่าวและพากันขึ้นไปขุดสมทบ จึงคิดจะสร้างเรื่องราวใหม่เพื่อปกปิดต้นตอของวัตถุ

เปิดที่มาที่แท้จริงของ “กิ่งไม้ล้ำค่า”
หลังจากความจริงกระจ่าง ผู้เชี่ยวชาญจึงเริ่มวิเคราะห์วัตถุในเชิงประวัติศาสตร์และศิลปะอย่างจริงจัง เขาระบุว่านี่คือเครื่องกระเบื้องลายครามที่มีการออกแบบเลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง แห่งราชวงศ์ชิง ยุคที่ขึ้นชื่อเรื่องงานศิลปะเซรามิกอันประณีตและลวดลายตกแต่งที่มีเอกลักษณ์
เขาชี้ให้เห็นว่า ชิ้นงานอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี ไม่มีรอยบิ่นแตก ผิวเคลือบยังเนียนและสีสันไม่ซีดจาง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มูลค่าของวัตถุสูงขึ้นมาก เมื่อพิจารณาทั้งด้านยุคสมัย ความหายาก และสภาพของชิ้นงาน จึงถือว่าเป็นของเก่าที่มีคุณค่าในตลาดสะสม
สุดท้ายผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า “ของชิ้นนี้เป็นของแท้ และอยู่ในสภาพดีมาก ประเมินมูลค่าทางการตลาดได้ราว 400,000 หยวน (ประมาณ 1.8 ล้านบาท)” คำตัดสินนี้สร้างเสียงฮือฮาทั่วทั้งสตูดิโอ
จากเรื่องโกหกสู่สมบัติมูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท
หลังได้ยินตัวเลขประเมินราคา หญิงชาวไร่ถึงกับยกมือไหว้ขอบคุณผู้เชี่ยวชาญซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้ชมบางส่วนถึงกับหัวเราะโล่งใจแทน เพราะแม้เรื่องเล่าจะถูกจับได้ว่าแต่งขึ้น แต่ท้ายที่สุดของที่ “ขุดมาโดยบังเอิญ” กลับกลายเป็นสมบัติล้ำค่าจริงในเชิงมูลค่าทางศิลปะและตลาดสะสม
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นคุณค่าของโบราณวัตถุ หากยังเตือนใจว่า “ที่มาของของเก่า” เป็นเรื่องสำคัญต่อทั้งการประเมินทางวิชาการและความน่าเชื่อถือของเจ้าของ การพูดความจริงตั้งแต่แรกอาจไม่ทำให้เรื่องราวดราม่าเท่าตำนานจากคนขอทาน แต่ย่อมทำให้เรื่องราวของสมบัติชิ้นนั้นงดงามและตรงไปตรงมามากกว่า