ชายวัย 50 ถ่ายวันละ 5 ครั้ง นานครึ่งปี ครอบครัวเอะใจแนะไปตรวจ รู้ผลแทบทรุด!
ชายวัย 50 ปี ถ่ายวันละ 5 ครั้ง นานครึ่งปี สุดท้ายพบ "มะเร็งลำไส้ระยะที่ 3" แพทย์แนะเช็กสัญญาณเตือน
คุณขับถ่ายวันละกี่ครั้ง? นี่คืออุทาหรณ์ทางสุขภาพของช่างปูนวัย 50 ปี ชาวไต้หวัน ที่เริ่มมีอาการถ่ายเหลววันละ 4-5 ครั้ง จนส่งผลกระทบต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน ตอนแรกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากการดื่มชาและกาแฟ แต่เมื่อน้ำหนักตัวลดฮวบจนครอบครัวสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงตัดสินใจไปพบแพทย์และได้รับข่าวร้ายว่าเป็น "มะเร็งลำไส้ระยะที่ 3"
อาการเตือนที่ถูกมองข้าม: ถ่ายบ่อยผิดปกติ
นพ.เฉิน ปิงเซียน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ได้แบ่งปันเคสนี้ในรายการสุขภาพ "Physician Hot Line" ว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอาชีพเป็นช่างปูน เดิมทีมีระบบขับถ่ายปกติ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มมีอาการถ่ายเหลวบ่อยมาก เฉลี่ยวันละ 4-5 ครั้ง ทำให้ต้องหยุดงานไปเข้าห้องน้ำบ่อยจนเพื่อนร่วมงานเริ่มไม่พอใจ
ในตอนแรก ผู้ป่วยเข้าใจว่าสาเหตุมาจากเขาเลิกดื่มเหล้าและหันมาดื่มชาและกาแฟแทน จึงทำให้ปวดท้องถ่ายบ่อย และปฏิเสธที่จะเข้ารับการตรวจรักษาอย่างจริงจัง
จุดเปลี่ยน: น้ำหนักลดฮวบและภาวะซีด
สัญญาณอันตรายเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อน้ำหนักตัวของผู้ป่วยลดลงอย่างรวดเร็วถึง 8 กิโลกรัม จนเหลือเพียง 52 กิโลกรัม สร้างความกังวลใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก จนต้องเกลี้ยกล่อมให้เขาไปตรวจสุขภาพ
เมื่อเจาะเลือดตรวจ แพทย์พบว่าค่าความเข้มข้นของเลือด (Hemoglobin) ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาก อยู่ที่ระดับ 9 กว่าๆ (ค่าปกติของผู้ชายคือ 13-18 g/dL) ซึ่งถือว่าผิดปกติสำหรับผู้ชายที่ไม่ได้รับประทานมังสวิรัติ แพทย์จึงสงสัยภาวะ "โลหิตจางเม็ดเลือดแดงเล็ก" (Microcytic anemia) และยืนยันให้ตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
ผลวินิจฉัยและปัจจัยเสี่ยง
หลังจากทำการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทำซีทีสแกน ผลตรวจยืนยันว่าเขาป่วยเป็น มะเร็งลำไส้ระยะที่ 3 แพทย์จึงได้ทำการผ่าตัดเนื้อร้ายออกและให้ผู้ป่วยรับการรักษาด้วยเคมีบำบัด จนกระทั่งอาการดีขึ้นและปัญหาระบบขับถ่ายกลับมาเป็นปกติ
นพ.เฉิน ระบุว่า ปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดโรคในผู้ป่วยรายนี้ ได้แก่ ประวัติการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ อายุที่เกิน 50 ปี และการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง PM2.5 สูง ซึ่งล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้
สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้ที่ต้องเฝ้าระวัง
แพทย์ย้ำเตือนว่า มะเร็งลำไส้ในระยะแรกมักไม่มีอาการเจ็บปวด แต่สามารถสังเกตได้จากความผิดปกติเหล่านี้:
- ลักษณะอุจจาระเปลี่ยนไป มีมูกเลือดปน หรือลำเล็กลง
- พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป เช่น ท้องเสียสลับท้องผูก หรือรู้สึกถ่ายไม่สุด
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีภาวะซีด หรือโลหิตจาง
สรุปแนวทางการป้องกัน
เพื่อลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารปิ้งย่าง ของทอด เนื้อสัตว์แปรรูป และการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ "พฤติกรรมเนือยนิ่ง" หรือการนั่งทำงานนานๆ โดยไม่ขยับตัว ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ หากใครที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป หรือมีอาการขับถ่ายผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการส่องกล้องตรวจวินิจฉัยทันที
