เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"บอย ปกรณ์" เปิดใจ เหตุผลทวงหนี้ 14 ล้านออกสื่อ บอกใบ้คู่กรณีเป็นใคร?

ต้องตัดสินใจโพสต์ข้อความทวงหนี้ผ่านโซเชียลเป็นครั้งแรก สำหรับพระเอกหนุ่ม บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ที่ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดย บอย ปกรณ์ เผยว่า ตนนำเงินไปลงทุนเป็นมูลค่า 14 ล้านบาท แต่พอถึงเวลาไม่ได้เงินต้นและเงินปันผลคืน ซึ่งอีกฝ่ายผลัดมาโดยตลอด พร้อมเผยคู่กรณีไม่ใช่ดารา แต่ทำงานเบื้องหลังวงการบันเทิง

"ตลอดชีวิตผม ก็มีคนที่ติดเงินเราเรื่อยๆ แต่ผมไม่เคยอยากจะออกมาพูดผ่านสื่อเลย ไม่เคยอยากทำให้มันเป็นเรื่อง ทุกวันนี้คนที่ติดเรา ก็มีอยู่หลายเจ้า แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบมาตลอด ถ้าไม่จำเป็น ไม่อยากใช้วิธีทวงออกสื่อ เพราะเดี๋ยวคนก็จะตีความกันออกไปหลายอย่าง แต่กับเคสนี้มันประกอบด้วยหลายๆ เหตุผล

อย่างแรกคือจำนวนค่อนข้างเยอะ ผ่านการติดตามกันมานาน และมีการรับปากแล้วก็ผลัด แล้วก็ตามตัวยาก พอตามได้ก็รับปาก แล้วก็ผลัด วนเป็นลูปอยู่อย่างนี้มานานหลายเดือนแล้ว จนผมรู้สึกว่าตามด้วยตัวเองไม่ได้ผล ก็เริ่มติดต่อทนาย ให้ทนายตาม ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เลยรู้สึกว่าสุดท้ายอาจจะต้องพึ่งสื่อช่วยตามให้ทุกอย่างจบตามที่คุยกันไว้"

บอกได้ไหมว่ามันเป็นเกี่ยวกับอะไร ?
"เป็นเรื่องของการทำธุรกิจลงทุน ไม่ใช่การยืมเงิน"

เห็นบอกว่าเป็นล้านเลย ?
"ถ้าเอาจริงๆ ก็คือยอดมันอยู่ที่ประมาณ 13-14 ล้าน"

มันเกิดจากอะไร ?
"พูดง่ายๆ เลยก็คือการลงทุนเวลาเราลงทุนทำอะไร พอลงไปปุ๊บ พอจบงานมันก็จะมีการปันคืน เวลาปันคืนมันก็ต้องปันทุนกลับมาแล้วก็กำไรหรือขาดทุน จะกำไรขาดทุนก็เอามาหักกับเงินต้น ไอ้ตรงที่ผมลงๆ ไปมันควรจะต้องกลับมาเมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว"

การลงทุนนี้เริ่มลงทุนตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
"ลงทุนก็ในช่วงระยะ 2 ปีนี้"

ล่าสุดที่บอยไปคุยกับเขา เขาให้เหตุผลว่าอะไร ?
"คือผมจะบอกอย่างนี้ ที่เขาตามตัวยากก็ใช่แต่ก็ไม่ใช่ว่าตามตัวไม่ได้เลย สุดท้ายก็ติดต่อกันได้ แต่ว่ามันเหมือนพอรับปากว่าจะทำยังงั้นอย่างนี้ว่าจะชำระแบบนั้นแบบนี้พอถึงเวลา พอถึงวัน สมมติเช่น ผมบอกว่าวันนี้วันอังคารเดี๋ยววันพรุ่งนี้ตอนเวลานี้พี่ช่วยส่งมาหาผมหน่อยว่าตกลงพี่จะชำระผมยังไงบ้าง โดยเงื่อนไขอย่างนี้นะ โอเคเขาทำมาให้ พอทำมาให้ปุ๊บมันก็ไม่ตรงที่คุยกัน มันก็เหมือนกับต้องเสียเวลาไปอีก นัดใหม่คุยใหม่ มันเหมือนกับโดนผลัดไปเรื่อยๆ"

อย่างวันนั้นที่ลงทุนไปเขาบอกไว้ว่ามันมีความเสี่ยง หรือว่าบอยคิดว่ามันก็เป็นการลงทุนปกติ ?
"การลงทุนเรื่องความเสี่ยง ขาดทุน กำไร ผมรู้อยู่แล้ว การลงทุนมันมีทั้งขาดทุนและกำไร แต่ตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องขาดทุนกำไร มันเป็นเรื่องที่ว่าเงินที่ผมลงทุนไปแล้วผมต้องได้คืนมาแต่มันไม่ได้คืน ก็คือ ใช้คำว่าเงินต้นกับเงินปันผล"

พอเงินมันเยอะอย่างนี้มันถึงขั้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเพื่อฟ้องร้องกันไหม ?
"อย่างที่ผมบอกผมทวงมาหลายเดือน คนเคยทำธุรกิจด้วยกัน ผมก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอยู่แล้ว ความจริงถ้าเกิดมันเลยกำหนดปุ๊บผมสามารถใช้วิธีกฎหมายได้เลย แต่ผมก็ปล่อยให้มันล่วงเลยมาด้วยการที่เขาบอกว่าเขาลำบากตรงอย่างนู้นอย่างนี้ก็เลยมาหลายเดือน จนผมรู้สึกว่าหลายเดือนแล้วก็ยังมีการผลัดผมไปเรื่อยๆ

ผมก็รู้สึกว่า งั้นผมต้องเริ่มใช้วิธีทางทนายแล้ว อาจจะต้องเข้าทางกฎหมายที่เขาทำหนังสือตกลงกันอะไรก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วอย่างที่เห็น พอใช้วิธีทางทนายแล้วก็ยังมีการผลัดไปเรื่อยๆ อีก ผมก็เลยรู้สึกว่าผมคงต้องพึ่งสื่อแล้วมั้งในการต้องออกมาพูด เพราะว่าทุกๆ อย่างผมว่าผมก็อะลุ่มอล่วย หยวนๆ ให้เขา ช่วยเหลือเขาแต่ทุกอย่างมันมีขีดจำกัดของมัน"

นอกจากเรา มีคนอื่นที่โดนเหมือนเราไหม ?
"การลงทุนครั้งนี้ก็เป็นผมกับคุณหน่อง ธนา แต่ว่าคุณหน่องไม่ค่อยเสียหายอะไร เพราะว่าเงินลงทุนทั้งหมดเป็นเงินของผมเอง (ยิ้ม) คุณหน่องเวลาลงทุนอะไรพวกนี้ พอผมทำกับหน่องกำไรแบ่งคนละครึ่ง ถ้าขาดทุนก็ขาดทุนคนละครึ่ง แต่ผมเป็นคนออกเงิน เอาง่ายๆ คือเป็นนายทุนให้ เพราะฉะนั้นแล้วก็คือถ้าเกิดไม่ได้เงินคืนคือผมโดนเอง"

อันนี้เขาเป็นคนในวงการหรือเป็นคนนอกวงการ ?
"เขาไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นักแสดง แต่เขาก็ทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิง หมายถึงทำงานในส่วนของเบื้องหลัง"

จะมีการให้กฎหมายเข้ามาช่วยยังไง ?
"ตอนนี้อย่างล่าสุดผมคุยกับเขาเมื่อคืนว่าสิ่งที่เขายื่นข้อเสนอมาว่าจะชำระอย่างนี้ๆ ที่มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ตลอด เวลา มันได้ข้อตกลงไฟนอลแล้ว เมื่อคืนผมจะทำการนัดเจอเขาวันพฤหัสบดีนี้กับทนายเพื่อให้ทำหนังสือเซ็นว่าเขาจะยินยอมชำระอย่างนี้ๆ จนถึงเมื่อไหร่ ผมก็หวังว่ามันจะไม่มีการผลัด หรือว่ามีอะไรมากกว่านี้แล้ว"

ถ้าเขาผิดคำพูดจะเจออะไร ?
"อย่างที่ผมบอกทุกอย่างผมอะลุ่มอล่วยให้เขา หยวนๆ ให้เขา ขยายเวลาให้เขานู่นนี่ ผมขยับให้เขามาเรื่อยๆ แต่ผมว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างมันมีขีดจำกัด ถ้ามันถึงจุดหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถที่จะขยับให้เขาได้แล้วก็คงต้องไปถึงกระบวนการทางกฎหมาย"