ทำไม "จังหวัดอุบลราชธานี" ลงท้ายด้วย "ราชธานี" ทั้งที่ไม่ใช่เมืองหลวง?
ทำไมจังหวัด อุบลราชธานี จึงลงท้ายด้วยคำว่า “ราชธานี” ทั้งที่ไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศ?
คำถามนี้สร้างความสงสัยให้หลายคนมายาวนาน เพราะในบรรดาจังหวัดทั่วไทย มีเพียงอุบลราชธานีเท่านั้นที่ใช้คำลงท้ายซึ่งหมายถึง “เมืองหลวง” แม้แต่ พระนครศรีอยุธยา, ธนบุรี หรือ กรุงเทพฯ ซึ่งเคยเป็นหรือเป็นเมืองหลวงจริงๆ ก็ไม่ได้ลงท้ายแบบนี้
คำอธิบายสำคัญปรากฏในหนังสือ “ประวัติศาสตร์อีสาน” ของ เติม วิภาคย์พจนกิจ ซึ่งอ้างถึง “ตำนานเมืองอุบลฯ” ที่บันทึกไว้ในหนังสือข่อยของบรรพบุรุษ โดยระบุว่า เมืองอุบลถูกโปรดเกล้าฯ ให้เป็น “เมืองอาสาหลวง” ตั้งแต่แรกเริ่ม หมายถึงเมืองที่ต้องตามเสด็จออกศึกในกรณีเกิดศึกสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน

เนื่องจาก พระประทุม (คำผง) เจ้าเมืองอุบล และผู้นำเมืองในภูมิภาค ได้เข้าร่วมราชการสงครามหลายครั้งในยุคกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองอุบลจึงมีสถานะทางการเมืองที่สำคัญ ถือเป็นเมืองหน้าด่านที่มีบทบาทอย่างมากในการปราบกบฏและรักษาความสงบในแถบลุ่มน้ำมูล–โขง
เส้นทางประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่ชื่อ “เมืองอุบลราชธานี”
-
ในปี พ.ศ. 2334 ขณะที่เกิดกบฏ “อ้ายเชียงแก้ว” ที่ท้าทายอำนาจของกรุงเทพฯ พระประทุมและผู้นำเมืองใกล้เคียงได้ยกกำลังเข้าปราบก่อนทัพหลวงจะมาถึง
-
เมืองอุบลมีบทบาทสำคัญในการควบคุมพื้นที่ด้านตะวันออกของสยาม
-
เมื่อเหตุการณ์สงบ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณา ยกฐานะบ้านห้วยแจระแมขึ้นเป็น “เมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช”
-
และแต่งตั้งพระประทุมเป็น พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ เจ้าเมืองอุบลราชธานี ในปี พ.ศ. 2336

คำว่า “ราชธานี” ในกรณีนี้จึง ไม่ได้หมายถึง “เมืองหลวงของประเทศ” แต่สะท้อนเกียรติยศและสถานะของเมืองอุบลที่เป็น เมืองชั้นเอก–เมืองประเทศราช ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อราชสำนักกรุงรัตนโกสินทร์
ดังนั้น จังหวัดอุบลราชธานีจึงคงชื่อนี้ไว้ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนถึงปัจจุบัน เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึงความสำคัญของเมืองในระบบการปกครองไทยโบราณนั่นเอง