เนื้อหาในหมวด ข่าว

7 อาหารต้องกิน! เหมือนได้ \

7 อาหารต้องกิน! เหมือนได้ "ยาหยอดตาธรรมชาติ" ชะลอเสื่อม หาง่ายในตลาดไทย

ตาพร่ามัวต้องกิน! 7 อาหารบำรุงสายตา เปรียบเสมือน "ยาหยอดตาธรรมชาติ" มีติดครัวไว้เหมือนได้ยาดี หาซื้อง่ายใกล้บ้าน

ในยุคที่ชีวิตประจำวันของเราผูกติดอยู่กับหน้าจอ ทั้งโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ การใช้สายตาอย่างหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวันส่งผลให้เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง และปวดกระบอกตาได้ง่าย ซึ่งเป็นปัญหายอดฮิตของคนวัยทำงาน

นอกจากการพักสายตาแล้ว "อาหารการกิน" ก็มีส่วนสำคัญมาก หากเลือกทานให้ถูกหลัก ก็เปรียบเสมือนการชาร์จแบตเตอรี่ให้ดวงตาแข็งแรงขึ้น วันนี้เราได้รวบรวม 7 กลุ่ม อาหารบำรุงสายตา ที่หาซื้อง่ายตามท้องตลาด และเปรียบเสมือนยาหยอดตาจากธรรมชาติมาฝากกัน

1. กลุ่มอาหารที่มี "ลูทีน" (Lutein)

ลูทีนเป็นสารอาหารสำคัญที่พบมากในจุดรับภาพของจอประสาทตา ซึ่งเป็นจุดที่การมองเห็นชัดเจนที่สุด หน้าที่หลักของลูทีนคือการเป็น "ตัวกรองแสง" ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าที่เป็นอันตราย

นอกจากนี้ ลูทีนยังช่วยกำจัดอนุมูลอิสระบางชนิด ปกป้องเซลล์ประสาทตาไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วเกินไป แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยลูทีน ได้แก่ ผักโขม ข้าวโพด และฟักทอง

2. กลุ่มอาหารที่มี "ซีแซนทีน" (Zeaxanthin)

ซีแซนทีนทำงานร่วมกับลูทีน ทั้งคู่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันดวงตาด่านสุดท้าย ช่วยกรองแสงสีฟ้าและรังสียูวี รวมถึงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตา

หากเปรียบแว่นกันแดดเป็นเกราะด่านแรก ลูทีนและซีแซนทีนก็คือเกราะชั้นในที่สำคัญที่สุด อาหารในกลุ่มนี้มักพบร่วมกับลูทีน เช่น ผักโขม ข้าวโพด และฟักทอง เช่นกัน

3. กลุ่มอาหารที่มี "แอนโทไซยานิน" (Anthocyanin)

สารนี้เป็นฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ หากร่างกายขาดแอนโทไซยานิน อาจทำให้เกิดอาการตาแห้ง ตาล้า และการมองเห็นในตอนกลางคืนลดลงได้

แอนโทไซยานินเปรียบเสมือน "โล่ธรรมชาติ" ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา พบมากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่สีเข้ม เช่น องุ่นม่วง บลูเบอร์รี่ และโกจิเบอร์รี่ดำ

4. กลุ่มอาหารที่มี "ดีเอชเอ" (DHA)

การที่ดวงตาสัมผัสแสงแดดและมลภาวะเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังได้ สาร DHA มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันในดวงตา

นอกจากนี้ DHA ยังช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสง ลดความเสียหายต่อเซลล์รับแสงในจอประสาทตา แหล่งอาหารชั้นดีได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาเก๋า และปลาทะเลต่างๆ

5-6. กลุ่มอาหารที่มี "วิตามินเอ และ แคโรทีน"

วิตามินเอเป็นสารอาหารพื้นฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับการมองเห็น โดยเฉพาะในที่แสงน้อย หากขาดวิตามินเอ อาจทำให้ตาปรับสภาพในที่มืดได้ช้า เสี่ยงต่อโรคตาบอดกลางคืนและอาการตาแห้งรุนแรง

เราสามารถรับวิตามินเอได้โดยตรงจากเนื้อสัตว์ หรือรับเบต้าแคโรทีนจากพืชแล้วให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อาหารแนะนำคือ แครอท ตับสัตว์ และผักโขม

7. กลุ่มอาหารที่มี "วิตามินอี" (Vitamin E)

วิตามินอีช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและซ่อมแซมเซลล์จอประสาทตาที่เสียหาย มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก

นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำตา ทำให้ดวงตาชุ่มชื้น ลดอาการตาแห้งได้ดี แหล่งอาหารที่หาง่ายคือ อัลมอนด์ วอลนัท และน้ำมันมะกอก

การดูแลดวงตาไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมการใช้สายตา อาหารทั้ง 7 กลุ่มนี้หาซื้อได้ง่ายในตลาดใกล้บ้าน ลองนำมาปรุงในมื้ออาหารของคุณ เพื่อถนอมดวงตาคู่สวยให้อยู่กับเราไปนานๆ

ซูเปอร์ฟู้ดครัวไทย! อเมริกายกเป็น \

ซูเปอร์ฟู้ดครัวไทย! อเมริกายกเป็น "เนื้อราชวงศ์" อวยเหนือโสม กินดีต่อสมอง-กระดูก-หัวใจ

"เนื้อสัตว์" ซูเปอร์ฟู้ดที่อเมริกายกย่องเหนือกว่าโสม อาหารบำรุงหัวใจ สมอง กระดูก ที่คนไทยไม่ควรมองข้าม!

“กินดี” อวัยวะ 1 อย่างของสัตว์ ที่ไม่ใช่สีส้ม แต่วิตามินเอสูงกว่าแครอท 1.5 เท่า คนไม่คอยรู้!

“กินดี” อวัยวะ 1 อย่างของสัตว์ ที่ไม่ใช่สีส้ม แต่วิตามินเอสูงกว่าแครอท 1.5 เท่า คนไม่คอยรู้!

แครอทเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะวิตามินเอ แต่รู้หรือไม่ว่า… มีอวัยวะของสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอมากกว่าแครอทเสียอีก แม้ว่าจะไม่ใช่สีส้มก็ตาม

อาหารที่แพทย์อวย “นักรบบำรุงไต” ฟื้นฟูเส้นผม-สายตา-นอนหลับ กินดีไม่จำเป็นต้องแพง!

อาหารที่แพทย์อวย “นักรบบำรุงไต” ฟื้นฟูเส้นผม-สายตา-นอนหลับ กินดีไม่จำเป็นต้องแพง!

รู้หรือไม่? มีอาหาร 1 อย่าง ที่ได้รับการยกย่องจากแพทย์แผนตะวันออกมานานแล้ว ว่ากินเข้าไปช่วย "บำรุงไตชั้นยอด"