3 นาง 3 มง ลงที่ The Crown โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์
สวัสดีค่ะคุณกิตติคะ สัปดาห์นี้ เทยรู้สึกอินกับซีรีส์อันโอดองค์โอ่อ่า ที่เอาเรื่องราวก็ราชวงศ์อังกฤษมาทำเป็นซีรีส์ ที่ตอนนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และเป็นกระแสอยู่ค่ะ กับเรื่อง The Crown ที่เป็น Original ของทาง Netflix ซึ่งได้ลงออนไลน์จนจบซีซั่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น มาค่ะ จงมาเข้าเฝ้าพระราชินีด้วยกันเถิด
The Crown เป็นซีรีส์แนว Dramatory ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างละครดราม่า และ สารคดี ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของพระราชีนีอลิซาเบธที่สอง แห่งเกาะอังกฤษ ซึ่งเล่าเรื่องราวของพระนางตั้งแต่เริ่มสมรสกับเจ้าชายฟิลลิป ในสมัยพระเจ้าจอร์ชที่หก ซึ่งตัวซีรีส์ค่อยๆเล่าเรื่องราวอันเต็มไปด้วยความซับซ้อนและพิธีกรรมอันแยบคายของราชวงศ์อังกฤษที่มีผลกับการเมืองอังกฤษมาตั้งแต่ช่วงปี 1940 จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งในซีซั่นปัจจุบัน เดินทางมาถึงช่วงปี 1980 ซึ่งเป็นซีซั่นที่เปลี่ยนนักแสดงเกือบยกทีม เพื่อให้เข้ากับตัวราชินีที่เข้าสู่อีกวัยหนึ่งแล้วค่ะเธอ โดยความน่าสนใจของซีซั่นนี้ คือการเข้าสู่เรื่องราวของผู้หญิงสามคน ที่เป็นแกนเรื่องหลักของตัวซีรีส์ในช่วงเวลานี้เลยล่ะเธอ
มงแรก ราชินีอลิซาเบธ
จากซีซั่นแรกเป็นต้นมา ราชินีอลิซาเบธ ถูกวางตัวให้เป็นกลางทางการเมือง บุคลิกที่ก่อร่างให้พระนางต้องเป็นคนที่แสดงความรู้สึก และมั่นคงในการรักษารัฐธรรมนูญ จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องที่ผ่านมาตลอด 3 ซีซั่นนั้น ตัวพระราชินีเอง ก็ผ่านสถานการณ์ที่หลากหลาย และสร้างความอึดอัดให้กับคนดูไม่น้อยเลย เพราะความอยากจะให้อิสระกับราชวงศ์ แต่อีกทางก็ต้องยึดมั่นกับกฎอันคร่ำครึ หรือการเป็นสัญลักษณ์นั้น ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจอะไรหลายอย่างยากลำบากมาก และความเป็นหญิงที่โตมากับการปลูกฝังแบบราชวงศ์ จากยุคหลังสงครามโลก ก็ยิ่งทำให้ตัวพระราชินี เป็นผู้หญิงที่ค่ำครึ เกือบจะไม่ทันโลก แต่ทว่าความเปลี่ยนแปลงทาการเมืองก็มาเคาะประตูเสมอ
ซึ่งยังไม่รวมการที่พระองค์การประคองความสัมพันธ์กับคนอื่นๆในราชวงศ์ซึ่งเป็นเรื่องส่วนพระองค์อีกนะคะเธอ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิงมากาเร็ตน้องสาว ที่มีตัวตนและแนวทางการใช้ชีวิตที่ชัดเจนมากเหลือเกิน หรือแม้แต่เจ้าชายฟิลลิปพระสวามี ที่ก็มีเรื่องความสัมพันธ์เรื่องข่าวคราวของชู้มาเกี่ยวข้อง ใครอยู่ทีมมงนี้ ก็จะต้องเข้าใจความโอดองค์ และความกดดันที่พระราชินีต้องแบกรับมากมายเลยทีเดียวเธอ
มงสอง เจ้าหญิงไดอาน่า
ตัวละครใหม่ ที่ปรากฏตัวในซีซั่นที่ 4 นี้ ความสดใส ความเปล่งประกาย ของหญิงที่เพียบพร้อมจากสังคมอังกฤษ ที่ถูกดึงเข้ามาเป็นคู่ที่เหมาะสมกับฟ้าชายชาลล์ส ซึ่งความสดใสเปล่งประกายนี้ จะแทบไม่มีอะไรน่าสนใจเลย หากมันไปปรากฏตัวในเส้นเรื่องแบบอื่น แต่ทว่าเรื่องของราชวงศ์อังกฤษนี้ ความสดใสของเจ้าหญิงไดอาน่า ถูกใส่เข้ามาในจังหวะเวลาและสถานการณ์ที่ตึงเครียดของราชวงศ์ เรื่องของการเลือกระหว่างความรักและความเหมาะสม การรักษาซึ่งความเป็นราชวงศ์เอาไว้ แม้จะต้องกระทำต่อคนที่สดใสด้วยความเลือดเย็นก็ตาม
ซึ่งยังไม่รวมความกดดันในเรื่องความสัมพันธ์ที่เจ้าหญิงไดอาน่าจะต้องเผชิญ กับการต้องแต่งงานกับชายที่ยังตัดใจจากรักเก่าไม่ได้ และยังต้องดูแลลูกชายซึ่งเป็นสายเลือดรัชทายาท การวางตัวที่ยากลำบากกับราชวงศ์ ยิ่งทำให้ความสดใสของเธอหม่นหมองลงไปเรื่อยๆ ใครที่อยู่ทีมมงนี้ ก็คือต้องเป็นนางเอกท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้าย และความเย็นชาอันเยือกเย็นจากคนรอบข้างเอามากๆเลยเธอ
มงสาม นายกหญิงเล็ก แทชเชอร์
อีกหนึ่งตัวละครที่เข้ามาประสานช่วงเวลาที่เหมาะเจาะเสียเหลือเกิน กับนายกหญิงคนแรกของอังกฤษที่แข็งแกร่งจนได้รับฉายาว่า “Iron Lady” ซึ่งคือฉายาของ มากาเร็ต แทชเชอร์ นั่นเอง ซึ่งในซีซั่นนี้ของ The Crown นายกหญิงเหล็กของเรา มีอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศอังกฤษให้ก้าวไปข้างหน้า และท้าทายกับวัฒนธรรมเก่าๆที่เป็นอุปสรรคขวางทางอำนาจของเธอ โดยเธอตั้งมั่นว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตั้งแต่บนสุด ไปยันฐานราก ซึ่งนั่นรวมถึงการเข้าไปปรับเปลี่ยนกิจกรรมของทางพระราชวังที่เธอมองว่าสิ้นเปลือง รวมไปถึงการกล้าที่จะสั่งกองกำลังทหารไปรบ ซึ่งนับเป็นความท้าทายของการเป็นผู้หญิงในช่วงเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนนี้
ซึ่งยังไม่รวมถึง การที่เธอ เป็นผู้หญิงที่ก็ไม่มีมุมอ่อนลงเลย แม้แต่ในเรื่องส่วนตัว และการดีลกับเพื่อนร่วมงาน แม่ไล่ฟาด ไล่จัดการไปหมดทุกสิ่งสรรพเลยค่ะ แม้แต่องค์ราชินี ก็ยังมีสะอึก มีหืม มีโอ้ ก็ทำเอาอกสั่นมากมายเลยทีเดียวเชียว เพราะฉะนั้น ใครที่อยู่ทีมวงนี้ คือต้องเข้าใจการเมือง การเปลี่ยนแปลง และเป็นนางฟาดที่แท้จริง
และเมื่อเราเอาสามนางมาอยู่ในเส้นเรื่องเดียวกันแล้ว นี่คือซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ ที่ยอดเยี่ยมและน่าติดตามเอามากๆ เลยนะเธอ
ยังไม่รวมความละเอียดลออของงานโปรดักชั่นที่หรูหรา ประหนึ่งถอดพระราชวังบัคกิ้งแฮมมาเล่าเรื่อง รวมถึงการแคสติ้งเลือกนักแสดงที่เหมือนตัวจริงจนดูๆไปก็เริ่มแยกไม่ออกแล้ว ซึ่งละเอียดไปถึงเสื้อผ้าหน้าผม ที่ทำเอาคนดูตะลึงมากจริงๆ
นอกจากนั้น ความน่าสนใจของการเมือง สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบอบการปกครองที่ซับซ้อน การโต้แย้งกันเพื่อคานอำนาจ เป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องกระทำอย่างระมัดระวัง และมีความแยบคาย กว่าอังกฤษจะเดินทางมาเป็นประเทศที่เจริญแล้ว เป็นหนึ่งในมหาอำนาจของยุโรปได้ เป็นการเดินทางที่ยาวไกลมากแม่
ยิ่งทำให้คนดู ดูไป เสิร์ชหาข้อมูลตามไปด้วย เพื่อเรียนรู้ข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ประกอบ นับเป็นก้าวใหม่ของซีรีส์ที่น่าสนใจมากเลยนะเออ
เหยี่ยวเทย รายงาน
