พร้อมกลับเข้าโรงหนังกันไหม? A Quiet Place Part 2 เข้าฉายแล้ว สำรวจสถานการณ์โรงหนังในรอบ 1 ปี
เลื่อนหลายรอบ
อันที่จริง A Quiet Place Part 2 ถูกวางโปรแกรมฉายทั่วโลกเอาไว้ตั้งแต่ ก่อนที่โควิดจะแพร่ระบาดและลุกลามไปทั่วโลกกว่า 1 ปีก่อน การตัดสินใจเลื่อนหนังทั้งหมดของอเมริกา ทำให้ตลาดหนังใหญ่จากฮอลลีวูดตัดสินใจเลื่อนตารางเข้าฉายหนังในค่ายตัวเองกันอย่างจ้าละหวั่น ถึงแม้จะมีความพยายามในการนำหนังฟอร์มยักษ์เข้าโรงอย่าง Tenet และ Mulan แต่ดูเหมือนว่า ด้วยโรคระบาดและวัคซีน (ที่ยังไม่มา) ในช่วงเวลานั้น ทำให้รายได้ของหนังไม่เข้าเป้าเท่าที่ควร และการฉายหนังไปพร้อมๆกับการลงสตรีมมิ่งหนังอาจจะเป็นแค่ “การทดลอง” เพื่อดูแนวโน้มของตลาดเท่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์ในการออกจากบ้านไม่ตอบโจทย์คนอเมริกา ทำให้หลากหลายสตูดิโอจึงตัดสินใจยังคงเลื่อนหนังฟอร์มยักษ์อีกหลายต่อหลายเรื่องออกไปเรื่อยๆ
ในขณะที่อเมริกายังคงวุ่นวายกับสถานการณ์โควิด ในประเทศไทยโรคโควิดเหมือนจะสามารถถูกควบคุมได้ประมาณหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นคลื่นใต้น้ำที่เรามองไม่เห็น เพราะไม่มีการตรวจเชิงรุก! แต่เมื่อไม่มีการประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อ การเข้าโรงหนังจึงยังเป็นเรื่องที่ใครหลายคนยังรู้สึกสบายใจที่จะไปนั่งชมภาพยนตร์ในโรงหนัง และสวมหน้ากากอนามัย ทำให้หนังใหญ่หลายต่อหลายเรื่องที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ยังคงได้รับความสนใจจากคนดูบางกลุ่ม ที่มั่นใจว่ายังไงการดูหนังฟอร์มยักษ์จากจอมือถือและทีวีที่บ้าน ไม่ตอบโจทย์และไม่สามารถมอบอรรถรสได้ โรงหนังจึงยังเป็นคำตอบสำหรับพวกเขากับการจะดูหนังสักเรื่อง
ตลาดหนังฟอร์มยักษ์ดูเหมือนจะเริ่มมีความหวังมากยิ่งขึ้น เมื่อ Godzilla vs. Kong เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก (พร้อมกับออกฉายทางสตรีมมิ่ง HBO Max ไปพร้อมๆกัน) แต่การทำเงินเกิน 100 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ถือเป็นความสำเร็จที่สตูดิโอยักษ์ใหญ่ เริ่มมองเห็นเค้าลางของการกลับมาเข้าโรงภาพยนตร์อีกครั้งของผู้ชม ยังไม่รวมไปถึงการทำเงินเกินความคาดหมายของหนังที่ดัดแปลงจากเกมอย่าง Mortal Kombat ที่ทำเงินเกินร้อยล้านเหรียญตามไปอีกเรื่อง จนได้รับการอนุมัติการสร้างภาคต่อแล้วเรียบร้อย
เลื่อนหนีตาย
ท่ามกลางสถานการณ์ในอเมริกาที่กำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การระบาดในระลอกที่ 3 ของไวรัสโควิดในประเทศไทยก็คัมแบคสเตจอีกครั้ง หลังจากที่หนัง Mortal Kombat กำลังจะเข้าฉาย คลัสเตอร์ทองหล่อนั่นไง ทีทำสถิติยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ยังไม่รวมไปถึงมาตรการต่างที่ภาครัฐออกมาก็เปรียบเสมือนสำนวนสุภาษิตที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” จนทำให้ประเทศไทยวนกลับมาอยู่ในเหตุการณ์แบบเดียวกับตอนที่ไวรัสมรณะนี้ระบาดครั้งแรกในประเทศไทย ในเวอร์ชั่นที่เลวร้ายกว่าหลายเท่าตัว
เมื่อรูปแบบสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่ดูเหมือนภาครัฐจะยังคงวาทกรรมเดิมที่ว่าด้วยทางรอดคือ วัคซีนไม่ต้อง หน้ากากอนามัยคือทางออก ชี้ให้คนในประเทศเกิดความสับสนงุนงงยิ่งกว่าหนังของเดวิด ฟินเชอร์มาโดยตลอดช่วงเวลาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน จวบจนทุกวันนี้ แม้ในหลายจังหวัดที่ไม่เกิดการระบาดหนักของเชื้อไวรัสโควิด โรงภาพยนตร์จะยังเปิดให้บริการตามปกติ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อไม่มีหนังใหม่และเป็นหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉาย ประชาชนจึงไม่รู้ว่าจะกลับเข้าโรงหนังไปทำไม ในเมื่อหนังเก่าที่โรงหนังเข้าฉายนั้นพวกเขาสามารถหาดูได้ตามสตรีมมิ่งหรือแผ่นวีซีดี ดีวีดี บลูเรย์ของตัวเองอยู่แล้ว ยังไม่รวมไปถึงเงินในกระเป๋าสตางค์ที่จางลงเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ที่ตัวเองไม่รู้ว่าจะกลายเป็นคน “ตกงาน” ในวันไหน
ในขณะเดียวกันที่อีกซีกโลกหนึ่งอย่างอเมริกา ได้เฉลิมฉลองการถอดหน้ากาก (เพราะได้วัคซีนที่มีคุณภาพ ประชากรได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่) กำลังออกมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ A Quiet Place Part 2 จึงกลายเป็นหนังภาคต่อที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์มาตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา (และเข้าฉายเฉพาะในโรงภาพยนตร์อย่างเดียวเท่านั้น) ตอนนี้ทำเงินในอเมริกา(และแคนนาดา) ไปแล้วทั้งสิ้น 115 ล้านเหรียญฯ ซึ่งส่งสัญญาณให้กับค่ายหนังอเมริการู้ว่า มันถึงเวลาแล้วที่พาเรดหนังฟอร์มยักษ์จะเริ่มกลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง
สุดท้ายฉายดีกว่าปล่อยเก่า
วกกลับมาที่ประเทศไทย ถ้าหากอเมริกาส่งหนังเข้าโรงได้ตามปกติ แต่อย่าลืมว่าหนังแต่ละเรื่อง “มีอายุ” ของมัน และเมื่อถึงห้วงเวลาหนึ่ง หนังใหญ่เหล่าก็จะถูกนำมาฉายลงสตรีมมิ่งในเวลาต่อมา ภูมิภาคอย่างเอเชียจึงต้องตัดสินใจที่จะเอาหนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ในช่วงเวลาที่ “จำเป็น” จะต้องฉาย ไม่เช่นนั้นแล้วหนังก็จะเก่าไปตามอายุของมันเช่นกัน การตัดสินใจเอา A Quiet Place Part 2 เข้าฉายในโรงจึงน่าจะเป็นคำตอบสุดท้าย แม้ว่าจะไม่ได้ฉายในพื้นที่อย่างกรุงเทพฯ นนทบุรี และอีกบางจังหวัด แต่อีกหลายจังหวัดในประเทศไทยที่สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ การกลับมาเข้าโรงภาพยนตร์ของประชาชนน่าจะเป็นอีกหนึ่งหนทาง “ผ่อนคลาย” ความตึงเครียดและพาตัวเองเข้าไปเสพย์ความสนุกตื่นเต้นและหลีกเร้นจากโลกแห่งความเป็นจริงได้ชั่วครู่ชั่วยาม
เราต้องยอมรับกัน ณ วินาทีแล้วว่า โรคโควิด-19 จะไม่มีวันหายไปในไม่กี่วัน แต่มันจะกลายเป็นโรคติดต่อ ที่อยู่คู่กับมนุษยชาติไปอีกสักระยะ เพียงแต่จะมีการคิดค้นวัคซีน ยารักษาโรค ขึ้นมาเพื่อลดทอนอาการให้ทุเลาลง ดังนั้นการทำความเข้าใจกับโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ว่าถ้าหากยังมีการแพร่ระบาดอยู่ หน้ากากอนามัยและวิธีสวมใส่ที่ถูกต้องยังเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งที่จำเป็นกว่าในตอนนี้คือวัคซีนที่มีคุณภาพและสามารถยับยั้งการแพร่เชื้อได้ ถ้าประเทศไทยยังไม่ได้สิ่งเหล่านี้มา ใช่ว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ (และธุรกิจอื่นๆ) จะต้องปิดทำการแบบนี้เรื่อยไป เพราะประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือกับภาครัฐในทุกวิถีทางแล้ว รัฐเองก็ควรจะมีวิธีให้ช่องทางกับประชาชนและภาคธุรกิจได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก หารายได้บ้างเช่นกัน
ประชาชนคนไทยควรได้รับเสรีภาพในการใช้ชีวิต ควรได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ มีทางเลือก และเฝ้ารอโอกาสในการกลับไปเข้าโรงภาพยนตร์แบบไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย กินป๊อปคอร์น ร้องกรี๊ดตกใจไปกับฉากตื่นเต้นในแบบที่เราคุ้นเคยกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม A Quiet Place Part 2 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้ ติดตามรายละเอียดแบบเจาะลึกได้ในคอนเทนท์ต่อไป