เนื้อหาในหมวด หนัง-ละคร

ทำไม A Quiet Place Part 2 ต้องชมในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

ทำไม A Quiet Place Part 2 ต้องชมในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

 

1.เพราะหนังต้องการความเงียบ

ถ้าคุณยังจดจำประสบการณ์ความเงียบของหนัง A Quiet Place ภาคแรกได้ว่า ทุกครั้งที่ตัวละครทำเสียงดังขึ้นมา นั่นหมายถึงความตายที่คืบคลานเข้ามาหาพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม แน่นอนว่าการนั่งกินป๊อปคอร์นตอนชมภาพยนตร์เรื่องนี้ แทบจะกลายเป็นการสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ชมคนอื่นๆในโรงหนัง ในช่วงเวลาที่หนังภาคแรกเข้าฉาย จนมีกระทู้ดราม่าอยู่ในเว็บบอร์ดและโซเชียลมีเดียอยู่พักหนึ่ง จากความสำเร็จของหนังภาคแรกที่ได้รับการตอบรับจากผู้ชมทั่วโลกอย่างล้นหลาม

แน่นอนว่าการชมหนังที่ต้องการความเงียบสูง (และต้องการสมาธิในการรับชม) คงไม่ดีแน่ถ้าหากคุณถูกรบกวนสมาธิจากแสงที่เข้ามาในบ้าน เสียงเรียกของคนในบ้านในลงไปกินข้าว เสียงข้อความเตือนจากโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งอาการปวดฉี่จนอยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วกดหยุดภาพยนตร์เอาไว้ การชม A Quiet Place Part 2 จึงไม่สามารถดูที่บ้านได้อย่างสิ้นเชิง

 

2.ต้องจอใหญ่ๆเท่านั้น

หนังฟอร์มยักษ์ ถูกออกแบบมาเพื่อรับชมในโรงภาพยนตร์ดังนั้นรายละเอียดเรื่องงานภาพ ระบบเสียง ฉาก จึงต้องการเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้กำกับและหนังจะเล่า แน่นอนว่า A Quiet Place ต้องการเรื่องความเงียบ โรงหนังจึงเป็นโรงมหรสพขนาดใหญ่ที่สามารถมอบสิ่งเหล่านี้ให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจอภาพยนตร์ที่มีขนาดมหึมา จึงเป็นคำตอบในการที่ผู้ชมจะเฝ้าดูตัวประหลาดออกไล่ล่ากลุ่มผู้รอดชีวิตด้วยความใจจดใจจ่อและ แอบมอบภัยคุกคามที่ตัวละครในเรื่องอาจจะมองไม่เห็น ในยามที่พวกเขากำลังหนีตาย (เพราะคนดูเห็นทุกอย่าง) ดังนั้นการมองจอเล็กจึงอาจจะทำให้คนดูพลาดจุดสำคัญเล็กๆน้อยๆในบางฉากไป

 

3.เรื่องราวบทใหม่ที่สานต่อจากหนังภาคแรกเพียงไม่กี่วินาที

หากจะพูดว่ามันเป็นหนังภาคต่อก็อาจจะถูกครึ่งเดียว เพราะความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องเพียงไม่กี่วินาทีจากหนังพาร์ทแรก โดยหนังภาคนี้เล่าเรื่องราวนอกบ้านครอบครัวแอ็บบ็อตต์ (เอมิลี่ บลันท์, มิลลิเซนต์ ซิมมอนด์ส, โนอาห์ ชูป) ต้องออกมาเผชิญกับความสยดสยองที่เกิดขึ้นกับโลกภายนอก เมื่อพวกเขายังคงดิ้นรนต่อสู้เพื่อจะเอาชีวิตรอดท่ามกลางความเงียบ เมื่อสถานการณ์บีบให้พวกเขาต้องเสี่ยงก้าวสู่พื้นที่ที่ไม่รู้จัก นั่นทำให้พวกเขารับรู้อย่างรวดเร็วว่า สัตว์ประหลาดที่ออกล่าตามเสียง ไม่ใช่ภัยคุกคามเพียงภัยเดียวที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่นอกเส้นทางเดินที่โรยด้วยทราย

 

4.พื้นที่ใหม่ในจักรวาลนี้ ที่ผู้ชมไม่เคยได้เห็น

เมื่อหนังภาคแรกดำเนินเรื่องอยู่ในพื้นที่บ้านของครอบครัวแอ็บบ็อตต์เท่านั้น เมื่อผู้กำกับหนังภาคแรกอย่างจอห์น คราซินสกี้ได้รับโอกาสในการสานต่อเรื่องราวทั้งหมด เขาจึงเห็นโอกาสในจุดที่หนังภาคแรกทิ้งปมเอาไว้ให้ ทีมงานได้มีโอกาสไปสำรวจโลกที่เขาสร้างขึ้น และยังเปิดโอกาสให้คนดูตามติดว่าครอบครัวตัวเอกในเรื่องจะเอาชีวิตกันต่ออย่างไร โดยสิ่งสำคัญของ A Quiet Place Part 2 ต้องไม่ต่างจากภาพยนตร์ภาคแรก นั่นก็คือจะต้องเป็นมากกว่าประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกสยดสยอง มันยังต้องผลักดันการเดินทางทางอารมณ์ของครอบครัวนี้ให้เดินหน้าต่อไป โดยในครั้งนี้ จะต้องเดินหน้าไปทั้งโดยอิสระและในฐานะที่เป็นชุมชนด้วย

 

 

5.หนังแห่งความหวังในการออกไปใช้ชีวิตในโลกกว้าง

ท่ามกลางโลกที่สิ้นหวังและอันตรายมากมายที่รออยู่นอกบ้าน อุปมาอุปมัยได้ใกล้เคียงกับโรคระบาดที่รออยู่ในโลกด้านนอก การเดินทางออกนอกบ้านของครอบครัวแอ๊บบ็อตต์ไปสู่พื้นที่ใหม่ๆและอันตรายใหม่ๆ ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นจะเป็นตัวแสดงความงดงามของครอบครัวอันเป็นความสัมพันธ์ของมนุษย์  แม้ว่าในทุกก้าวที่คุณตัวละครเดินไปคือความไม่แน่นอน ความน่ากลัวเกิดได้จากทุกที่ เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดจากวินาทีต่อไปได้อย่างไร มีโอกาสที่จะทำผิดพลาดได้ และเมื่อทำผิดพลาด สัตว์ประหลาดจะอยู่รอบๆ ตัวนั้นอยู่ใกล้มากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก

 

6.ความกลัวของคนเป็นพ่อเป็นแม่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ

เบื้องหลังความตึงเครียดของ A Quiet Place Part 2 ยังคงเป็นประสบการณ์ของมนุษย์ธรรมดาเหมือนที่เคยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคราซินสกี้มาก่อนหน้านี้ นั่นก็คือ ชีวิตครอบครัว และการคิดใคร่ครวญด้วยความวิตกกังวล ความอ่อนไหว การสื่อสาร และแรงกระตุ้นที่จะปกป้องคนที่คุณรัก แต่ในขณะที่ภาพยนตร์ภาคแรกถือกำเนิดขึ้นจากความรู้สึกของคราซินสกี้ที่เพิ่งได้เป็นคุณพ่อมือใหม่ ครั้งนี้ คราซินสกี้ครุ่นคิดว่าสิ่งที่อาจจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทำให้คนเป็นพ่อแม่รู้สึกสับสนที่สุด นั่นก็คือความกลัวที่เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเห็นลูกๆ ต้องก้าวสู่โลกที่อันตรายและมีการแตกแยก ที่ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ และแรงกระตุ้นของคนอื่นๆ เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก

 

“ผมเคยมีความคิดที่ดังอยู่ในหัวเกี่ยวกับคำสัญญาของคนที่เป็นพ่อแม่ คุณได้สัญญากับลูกๆ ของคุณว่า ตราบใดที่ลูกอยู่กับพ่อ พ่อจะดูแลให้ลูกปลอดภัย” ผู้กำกับอย่างจอห์น คราซินสกี้กล่าว “มันคือคำสัญญาที่พ่อแม่ทุกคนรับปากลูก แต่ก็น่าเศร้า บางครั้งคุณก็ไม่อาจรักษาสัญญาได้ เมื่อคนเป็นพ่อแม่ต้องปล่อยให้ลูกๆ ออกไปสู่โลกภายนอกตามลำพัง นั่นคือการเติบโตของลูกๆ และนั่นคืออุปมาอุปไมยหลักๆ ที่ผมอยากสำรวจ คนเป็นพ่อของครอบครัวนี้ได้จากไปแล้ว พวกเขาได้มาถึงขอบสิ้นสุดของตาข่ายที่รักษาความปลอดภัย ดังนั้น อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคุณต้องก้าวไปสู่ดินแดนที่คุณไม่รู้จักเป็นครั้งแรก”

คราซินสกี้กล่าวต่อไปอีกว่า  “เราทุกคนหวังว่าเราได้เตรียมลูกๆ ของเราให้พร้อมรับกับชีวิตที่พวกเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้ แต่คุณก็ยังหวังมากไปกว่านั้น คุณหวังว่าลูกๆ ของคุณจะกลายเป็นสิ่งที่พิเศษ และหวังว่าพวกเขาจะพบชุมชนที่พวกเขาอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ ความคิดพวกนั้นคือสิ่งที่อยู่ในหัวของผมเช่นกันครับ”    

A Quiet Place Part 2 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้ ที่โรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการ

ปวดใจ เมื่อหนังฟอร์มใหญ่อาทิ Cruella และ Black Widow อาจไม่ได้ฉายโรง

ปวดใจ เมื่อหนังฟอร์มใหญ่อาทิ Cruella และ Black Widow อาจไม่ได้ฉายโรง

สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย ทวีความรุนแรงขึ้นในทุกวัน ส่งผลกระทบทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่โรงภาพยนตร์ และหนังใหญ่อย่าง Cruella และ Black Widow ก็อาจจะไม่ได้ฉายโรง

พร้อมกลับเข้าโรงหนังกันไหม? A Quiet Place Part  2 เข้าฉายแล้ว สำรวจสถานการณ์โรงหนังในรอบ 1 ปี

พร้อมกลับเข้าโรงหนังกันไหม? A Quiet Place Part 2 เข้าฉายแล้ว สำรวจสถานการณ์โรงหนังในรอบ 1 ปี

แม้โรงภาพยนตร์ในกรุงเทพยังไม่กลับมาเปิดทำการ แต่อีกหลายจังหวัดยังคงเปิดให้บริการตามปกติ หลายเดือนที่ผ่านมานี้จะไม่มี “หนังใหม่” เข้าฉาย แต่ค่ายหนังอย่าง UIP ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ พร้อมฉาย A Quiet Place Part 2 (ดินแดนไร้เสียง 2) โดยไม่รอการเปิดเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ อีกต่อไป

ตัวอย่างสุดท้าย A Quiet Place Part II ภาคต่อความเงียบ ดินแดนไร้เสียง 2

ตัวอย่างสุดท้าย A Quiet Place Part II ภาคต่อความเงียบ ดินแดนไร้เสียง 2

A Quiet Place Part II ดินแดนไร้เสียง 2 กลับมาสานต่อเรื่องราวเหตุการณ์หลังโลกล่มสลายจากการบุกรุกของสัตว์ประหลาดที่ผู้คนต้องเอาชีวิตรอด และครั้งนี้ครอบครัวแอ็บบ็อตต์ กำลังจะออกเดินทางพร้อมลูกน้อย ถ้าอยากรอดต้องเงียบ...