Henry Cavill ยืนยันไม่ได้รับบท Superman ในหนังภาคใหม่ของ DC อีกต่อไป
Henry Cavill ผู้รับบท Superman ใน Man of Steel (2013) และ Batman v Superman: Dawn of Justice (2016) รวมถึงหนังรวมซูเปอร์ฮีโร่ของ DC อย่าง Justice League (2017) ยืนยันแล้วว่า เขาจะไม่ได้รับบท Superman ในภาพยนตร์ภาคใหม่ของ Superman ของ Warner Bros อีกแล้ว แฟนๆ จะได้เห็นนักแสดงคนใหม่ที่มารับบท Superman แทนเขาอย่างแน่นอน และจะได้เห็นเขาในบท Superman ครั้งสุดท้ายในภาพยนตร์เรื่อง Black Adam ที่เพิ่งเข้าฉายไปในปี 2022 ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ Henry Cavill เคยโพสต์ลงโซเชียลมีเดียว่าเขาจะกลับไปรับบท Superman อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Warner Bros แต่หลังจากการมาของ James Gunn และ Peter Safran ที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่เป็น ประธานร่วม (co-chair) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (co-CEO) ของ DC Studio ทำให้ Henry ได้รับแจ้งใหม่ว่ามีการปรับเปลี่ยนทิศทางในการนำเสนอหนังเรื่องใหม่ และทำให้เขาถูกถอดจากบท Superman
Henry Cavill โพสต์ลงใน Instagram ของเขาว่า “ผมจะไม่ได้เล่นบท Superman แล้วนะครับ หลังจากที่ทางสตูดิโอประกาศว่าผมจะกลับมาเล่นบทนี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ทางสตูดิโอจะว่าจ้างพวกเขา (James Gunn และ Peter Safran) ข่าวนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่สุด (ที่จะทำการตัดสินใจ) แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละครับ การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และผมก็เคารพกับการตัดสินใจในครั้งนี้ James และ Peter ต้องการสร้างจักรวาลใหม่ ผมหวังว่าการสร้างจักรวาลใหม่นี้จะประสบความสำเร็จ และทำให้ทุกๆ ฝ่ายมีความสุขครับ”
“ช่วงเวลาที่ผมได้สวมผ้าคลุมไหล่นั้นได้ผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่ยืนหยัดให้กับ Superman ยังคงอยู่ ผมสนุกกับช่วงเวลาเหล่านี้กับพวกคุณมากๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงดีๆ หรือช่วงร้ายๆ”
ข้อมูลจาก The Hollywood Reporter รายงานว่า ภาพยนตร์ภาคใหม่ของ Superman ที่จะกำกับและเขียนบทโดย James Gunn (ผู้กำกับ Guardians of the Galaxy) จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Clark Kent ชีวิตในวัยหนุ่มของ Superman ทำให้ Henry Cavill ไม่สามารถกลับมารับบทนี้ได้ในภาคนี้
แฟนๆ คงต้องรอลุ้นกันว่าใครจะได้รับบท Clark Kent ในภาพยนตร์ภาคใหม่ของ Superman ในเวอร์ชั่นของ James Gunn