
วิธีรักษา "ส้นเท้าด้าน-ส้นเท้าแตก" ด้วยตนเอง
ส้นเท้าด้าน ส้นเท้าแตก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้วิธีแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง
ส้นเท้าหนา ส้นเท้าแตก เกิดจากอะไร
พญ. สุราศี อิ่มใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก ระบุว่า ส้นเท้าหนา ส้นเท้าแตก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- อากาศที่แห้งหรือหนาวเย็น
- ภาวะร่างกายขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อย
- อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นที่ร้อนจนเกินไป
- แช่อยู่ในน้ำร้อนเป็นเวลานานหรือบ่อยเกินไป
- ใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง
- ไม่ทาครีมบำรุงที่ทำให้เท้ามีความชุ่มชื้น
- การขัดเท้า
- การใส่รองเท้าที่ไม่ถนอมเท้าหรือเปิดผิวเท้ามากเกินไป
- มีภาวะอ้วน มีน้ำหนักตัวมาก
- ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
อันตรายจากส้นเท้าหนา ส้นเท้าแตก
หากมีอาการบวมแดงและเจ็บปวดบริเวณส้นเท้าแตกเป็นอย่างมาก อาจเสี่ยงเป็นแผล และหากดูแลแผลไม่ดี อาจเสี่ยงมีหนอง หากอาการไม่บรรเทาแม้พยายามรักษาด้วยวิธีต่างๆ ด้วยตนเองแล้ว ควรไปพบแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทางที่รักษาเท้า เพื่อตรวจหาการติดเชื้อและรีบรักษาได้อย่างทันท่วงที
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้มีภาวะอ้วน หากปล่อยไว้จนเป็นแผลลึกและไม่ได้รับการรักษา อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้ ควรรีบพบแพทย์เช่นกัน
วิธีรักษา "ส้นเท้าด้าน-ส้นเท้าแตก" ใช้อะไรดี
- ไดเมทิโคน (Dimethicone) จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและเพิ่มความชุ่มชื้นกักเก็บน้ำให้แก่ผิว ลดการเกิดหนังที่หนาและด้านจากภาวะผิวแห้งที่จะทำให้เกิดผิวส้นเท้าแตกตามมา
- ครีมที่มีส่วนผสมของ น้ำมัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และป้องกันผิวแห้งแตก โดยสามารถใช้ทาได้วันละหลายๆ ครั้ง ใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อทาหลังอาบน้ำ
- ปิโตรเลียม เจลลี่ (Petroleum Jelly) เป็นเจลเหลวที่ใช้ทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ฟื้นฟูผิวบริเวณที่เป็นส้นเท้าแตก ทาก่อนนอนแล้วสวมถุงเท้าทับ ให้ผิวบริเวณส้นเท้าที่แตกได้ดูดซับความชุ่มชื้นจากเจลไปตลอดคืนในระหว่างที่นอน
อ่านเพิ่มเติม