เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

เคล็ดลับง่ายๆ ห่างไกล \

เคล็ดลับง่ายๆ ห่างไกล "โรคไต" ทำได้แข็งแรงแน่

นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ไตเป็นอวัยวะสำคัญต่อระบบขับถ่ายปัสสาวะรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วแดงขนาดเท่ากำปั้นมี 2 ข้าง อยู่ด้านหลังบริเวณเอว ไตมีหน้าที่ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายสร้างสารที่มีประโยชน์ตลอดจนควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย และช่วยขับถ่ายสารแปลกปลอมที่ร่างกายรับมา หากไตมีความผิดปกติทำงานไม่เต็มที่ ของเสียต่างๆ จะสะสมและคั่งค้างจนเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

ผู้ป่วยโรคไตในระยะแรกมักจะไม่มีอาการแสดงใดๆ เนื่องจากไตสามารถปรับการทำงานให้สมดุลได้แม้เหลือเพียง 50 เปอร์เซ็นต์จากปกติ แต่เมื่อใดที่การทำงานของไตลดเหลือ 25 เปอร์เซ็นต์ จะเริ่มแสดงอาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ซีด คันตามตัว บวมตามใบหน้า แขนขา ปัสสาวะมากตอนกลางคืน จึงควรตรวจร่างกายประจำปีเพื่อคัดกรองโรคไตในเบื้องต้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไต เช่น อายุมากกว่า 60 ปี ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหลอดเลือดอื่นๆ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเกาต์ มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไต ผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำๆ หลายครั้ง และผู้ป่วยที่ทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือสัมผัสสารเคมีบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน หากผู้ป่วยโรคไตรู้จักทะนุถนอมไตจะทำให้มีชีวิตยืนยาวโดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการล้างไต ฟอกเลือด และปลูกถ่ายไต

หลักการสำคัญที่ช่วยชะลอความเสื่อมของไต ได้แก่ ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติหรือใกล้เคียงปกติ คือ ระดับต่ำกว่า 130/80 มิลิเมตรปรอท ควบคุมระดับน้ำตาลโดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน ควบคุมและหลีกเลี่ยงอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ เพื่อไม่ให้ระดับของเสียในร่างกายเพิ่มขึ้น ควรทานโปรตีนจากเนื้อปลาและไข่ขาวเพราะย่อยง่ายและมีคุณค่าในอาหารสูง หลีกเลี่ยงอาหารเค็มทุกชนิด รวมถึงของหมักดองและอาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวต่างๆ

โดยเฉพาะผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและอาการบวม หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน เช่น กะทิ เนื้อติดมัน ของทอด ไข่แดง อาหารทะเล เป็นต้น ซึ่งถ้าหากไขมันในเลือดสูงจะทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและเป็นผลเสียต่อไต งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงและไม่เหนื่อยเกินไป เช่น เดิน บริหารร่างกายอยู่กับที่จะช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารหวาน มัน เค็ม ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 -10 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ซื้อยาทานเอง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไต

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก กรมการแพทย์

เป็นโรคไต ห้ามกินอะไร แล้วควรกินอะไร

เป็นโรคไต ห้ามกินอะไร แล้วควรกินอะไร

นอกจากอาหารเค็มแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่คนเป็นโรคไต หรือที่กำลังฟอกไตอยู่ควรระวัง ห้ามรับประทาน และก็มีอาหารที่เป็นประโยชน์กับคนโรคไต

7 พฤติกรรมทำร้าย “ไต” ทั้งที่ไม่ได้กินเค็มก็เป็นโรคไตได้

7 พฤติกรรมทำร้าย “ไต” ทั้งที่ไม่ได้กินเค็มก็เป็นโรคไตได้

โรคไต หลายคนคงคิดออกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินว่า เพราะทานเค็มมากเกินไป แต่จะมาบอกว่า ไม่ใช่อาหารรสเค็มเท่านั้นที่เป็นสาเหตุของโรคไต คุณอาจยังไม่ทราบ และเผลอทำร้ายไตของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว

ปวดท้องข้างซ้าย เสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง พร้อมวิธีดูแลเบื้องต้น

ปวดท้องข้างซ้าย เสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง พร้อมวิธีดูแลเบื้องต้น

อาการปวดท้องข้างซ้าย เป็นสัญญาณเตือนที่เกิดจากอาการผิดปกติ เรียนรู้อาการปวดท้องข้างซ้ายกันก่อน จะได้รู้ว่าอาการที่เกิดจะบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง