เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

วิธีรับมือ ติดโควิด-19 โอมิครอน ทำอย่างไรบ้าง?

วิธีรับมือ ติดโควิด-19 โอมิครอน ทำอย่างไรบ้าง?

โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดอย่างหนักจนมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นคนที่ใกล้ชิดของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งคนที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อนหน้านี้ก็ยังติดเชื้อเป็นครั้งที่ 2 ได้ อีกทั้งวัคซีน 2-3 เข็มที่ฉีดไปก็ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ไม่มากพอสำหรับสายพันธุ์โอมิครอน

ในภาวะที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ หากติดโควิด-19 ขึ้นมาควรทำอย่างไรบ้าง

วิธีรับมือ ติดโควิด-19 โอมิครอน ทำอย่างไรบ้าง?

เมื่อเรามีอาการต้องสงสัย เช่น ปวดคอ มีน้ำมูก ไอ หรืออาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป ควรตรวจด้วยชุดตรวจด้วยตัวเองแบบ ATK ก่อน และเมื่อได้ผลตรวจเป็น 2 ขีดหรือติดเชื้อ จึงค่อยดำเนินการต่อไป

วิธีที่ 1 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (นอนเตียงโรงพยาบาล)

  • ตรวจเพื่อยืนยันผลตรวจด้วยวิธี PCR อีกครั้ง

  • ติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน แจ้งว่าต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 เพราะตรวจได้ผลบวกจากชุดตรวจ ATK ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอาจขอเรียกตรวจด้วยวิธี PCR เพื่อยืนยันผลตรวจอีกครั้ง

  • เข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลนั้นๆ

  • ในกรณีที่ทางโรงพยาบาลมีเตียง ห้องพัก หรือโรงพยาบาลสนามที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ สามารถเข้ารับการรักษาต่อกับทางโรงพยาบาลได้ทันที

    วิธีที่ 2 รักษาที่โรงพยาบาล Hospitel

    หากตัวเองเป็นผู้ป่วยที่ตรวจได้ผลบวกจากชุด ATK และไม่มีอาการหนัก รวมถึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ฯลฯ) สามารถขอรับการรักษาด้วยวิธีการกักตัวใน Hospitel หรือที่โรงแรมหรือสถานที่ที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ได้

  • ติดต่อที่โรงพยาบาลที่ให้บริการ Hospitel ที่เราสะดวกเข้าพัก 

  • หรือติดต่อ สปสช ที่เบอร์ 1330 เพื่อเช็กสิทธิก่อนว่าสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลที่ใดได้บ้าง ซึ่งหากเรายินดีรับการรักษาตามสิทธิที่ตนเองได้รับจากภาครัฐ ก็อาจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม หรือภาครัฐออกให้บางส่วนได้ แต่หากเรายืนยันขอรับบริการการรักษานอกสิทธิที่ตัวเองได้รับ เช่น ขอเข้ารับการรักษาใน Hospitel ของโรงพยาบาลเอกชน อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามแต่ละโรงพยาบาลให้บริการ

    ตัวอย่างโรงพยาบาลที่ให้บริการ Hospitel

    • โรงพยาบาลกรุงเทพ(ศูนย์วิจัย)    โทร 02 310 3000
    • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท  โทร 02 769 2000
    • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น  โทร 02 910 1600
    • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค  โทร  02 804 8959
    • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง  โทร 0 2339 0000
    • โรงพยาบาลไทยนครินทร์  โทร 02 340 6499
    • โรงพยาบาลธนบุรี  โทร 02 487 2000
    • โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง  โทร 0 2220 7999
    • โรงพยาบาลนวมินทร์ 9  โทร 0 2518 1818
    • โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล  โทร 02 109 9111
    • โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โทร 02 836 9999

    เป็นต้น

  • เข้าพักในห้องที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้

  • เมื่อเข้าสู่กระบวนการเข้ารับการรักษาใน Hospitel หรือโรงแรมที่ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยกักตัวอยู่ในห้อง และมีเจ้าหน้าที่นำอาหารและยา และตรวจร่างกายระหว่างรักษาให้

    วิธีที่ 3 กักตัวรักษาอยู่ที่บ้านตัวเอง (Home Isolation)

    หากในกรณีที่ไม่สามารถหาเตียงในโรงพยาบาล หรือหาห้องจาก Hospitel เพื่อเข้ารับการรักษาได้ อีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นที่นิยมและสะดวก มีประสิทธิภาพในการรักษาได้ดีไม่แพ้กัน หรือการขอกักตัวรักษาเองอยู่ที่บ้าน หรือ Home Isolation

  • ติดต่อ สปสช.

  • หากท่านเลือกที่จะรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพราะมีอาการไม่หนักมาก ได้รับวัคซีนมากกว่า 2 เข็มขึ้นไป ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ฯลฯ) และสามารถกักตัวอยู่บ้านหรืออยู่ในห้องคนเดียวได้ สามารถโทร.สายด่วน สปสช. 1330 กด 14

    หรือ ลงทะเบียนด้วยตนเองที่ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI 

    หรือ ไลน์ สปสช. โดยเพิ่มเพื่อน พิมพ์ @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 

    • เลือกเมนูบริการเกี่ยวกับโควิด-19
    • เลือกลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน (Home Isolation)
  • รับยา สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

  • เมื่อเข้าสู่ระบบ Home Isolation แล้ว ผู้ป่วยจะได้รับยา และสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน อาจจะมีปรอทวัดไข้ ที่วัดออกซิเจน ชุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK และยาที่จำเป็นต่อการรักษาอาการต่างๆ รวมถึงอาหารที่จะมีเจ้าหน้าที่จัดหามาให้ถึงบ้านด้วยเช่นกัน (ไม่ต้องมีผลตรวจ PCR)

    ระยะเวลาในการกักตัวอยู่ที่ 10-14 วัน แต่บางรายเจ้าหน้าที่อาจพิจารณาให้กักตัวเพิ่ม โดยอาจจะเพิ่มอีก 14 วัน เป็น 28 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกับอาการของผู้ป่วย และการพิจารณาของเจ้าหน้าที่

    ทั้งนี้ วิธีในการรักษา จะอยู่ที่การพิจารณาของเจ้าหน้าที่ หากเป็นผู้ที่มีอาการหนัก อาจมีความจำเป็นต้องรักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น สำหรับผู้ป่วยที่รักษาตัวที่ Hospitel หรือ Home Isolation กักตัวอยู่บ้านเอง จะเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย ไม่รุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมักอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะเป็นผู้ที่รับวัคซีนมากกว่า 2 เข็มขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ไม่มีอาการหนักมาก

    หากไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ หรือระหว่างรอการติดต่อกลับมาจากเจ้าหน้าที่ที่อาจใช้เวลา 1-5 วันในการติดต่อกลับ ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองไปพลางๆ ด้วยการกินยารักษาตามอาการ เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ ยาแก้ไอ แก้เจ็บคอ เป็นต้น และแยกตัวเองออกจากคนในบ้าน อยู่ในห้องคนเดียว ใช้ห้องน้ำแยกคนเดียวหรือใช้คนสุดท้าย ให้คนในบ้านเตรียมอาหารวางไว้ให้หน้าห้อง หรือหากอยู่คนเดียวในห้องหรือคอนโด สามารถทำอาหารกินเองแบบง่ายๆ หรือสั่งอาหารมาส่งให้ที่หน้าบ้านโดยให้ผู้ส่งวางหรือแขวนอาหารเอาไว้ที่นอกบ้าน เป็นต้น

    เบอร์โทรติดต่อศูนย์ที่ให้บริการผู้ป่วยโควิด-19

    • สปสช. 1330
    • สายด่วนกรมการแพทย์ 1668
    • สายด่วนจัดหาเตียงในกรุงเทพฯ 1669
    • สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
    • เฟซบุ๊ก “เราต้องรอด” https://www.facebook.com/savethailandsafe
    อาการโควิด-19 อาการเบื้องต้นเป็นอย่างไร วิธีป้องกันโควิด-19

    อาการโควิด-19 อาการเบื้องต้นเป็นอย่างไร วิธีป้องกันโควิด-19

    ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก ระบุว่าอาการโควิด-19 หรือ โคโรนาไวรัส ที่สังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองมี 5 อาการ หลัก ๆ ด้วยกัน พร้อมวิธีป้องกันโควิด-19

    ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดจองวัคซีนโควิด-19 “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” เดือนสิงหาคม 2565

    ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดจองวัคซีนโควิด-19 “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” เดือนสิงหาคม 2565

    ในเดือนสิงหาคมนี้ ใครอยากฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์-โมเดอร์นา ฟรี จองคิวเพื่อเข้ารับบริการได้แล้ววันนี้