เนื้อหาในหมวด ข่าว

สวยจนผู้ชายกราบ \

สวยจนผู้ชายกราบ "ต้อม ไกรวิทย์" เผยมุมชีวิตชายรักชาย ก่อนแต่งหญิงเต็มตัว

หลังลุกขึ้นมาแต่งหญิงในวัย 50 ปี จนวงการบันเทิงสะเทือนและเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตอดีตนักร้อง-นักแสดง "ต้อม ไกรวิทย์" ที่ปัจจุบันผันตัวเองไปเป็นช่างทำผม ซึ่งเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเกิดจากที่ตัวเองเพิ่งค้นพบว่าชอบแต่งหญิงและมีความสุขที่ได้ใส่รองเท้าส้นสูง แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะแปลงเพศหรือทำหน้าอกใดๆ

ล่าสุด "ต้อม ไกรวิทย์" ได้มีโอกาสพูดคุยกับเราในอีกมุมของชีวิต นั่นก็คือเรื่องราว "ความรัก" ของตัวเองที่ใช้ชีวิตอยู่กินกับผู้ชายกว่า 6 ปี ในสมัยที่ยังเป็นนักร้อง-นักแสดง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เหมือนในยุคสมัยนี้ รักที่อยู่ในสภาพสังคมที่อึดอัดจนอดีตคนรักถึงขั้นก้มลงกราบไม่อยากเลิกจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม

อดีตนักร้องเริ่มเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าตั้งแต่เด็กเป็นคนที่ชอบอยู่กับแม่ เวลาเล่นอะไรกับพี่น้องที่เป็นผู้ชายหมดก็ไม่สนุกและชอบอะไรที่มันอ่อนโยน แต่ไม่เคยลุกขึ้นมาสาวแตกและไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายจนกระทั่งเข้าวงการ

"เราเริ่มสัมผัสและรู้สึกได้ว่าชอบผู้ชายตอนเข้ามาทำงานในวงการ และมีผู้จัดการที่เป็นผู้ชายคอยดูแล จึงแอบรู้สึกดีอบอุ่นปลอดภัย และมั่นใจว่าตัวเองเป็นเกย์แน่นอน แต่เพราะว่าเป็นคนมีชื่อเสียงจึงได้รับโจทย์จากต้นสังกัดให้เข้าใจหน้าที่และบทบาทและต้องอดทนในเรื่องบางเรื่อง  แต่ด้วยความที่เราโตมาเป็นผู้ชายที่นุ่มนิ่ม พอเข้าวงการก็มีคาแร็คเตอร์เป็นผู้ชายสำอาง ผู้ชายเนี้ยบ ไม่เที่ยวเสร็จจากงานก็กลับบ้านเราก็เลยไม่ได้มีข่าวซุบซิบอะไร"

แต่ถามว่ามีโดนเม้าท์บ้างมั้ยก็มีบ้าง มีวันนึงเราไปที่เที่ยวแล้วมีนายแบบคนนึงขอติดรถกลับก็เป็นเรื่องเลย ตุ๊กตาหน้ารถนักร้องหนุ่มเป็นข่าว ซึ่งเราอาจจะไม่ได้ดังมากที่คนจะมาสนใจอะไร แต่ก็โดนทางค่ายเรียกคุยว่าคืออะไร และเตือนให้ระวังและก็โดนสั่งว่าถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเที่ยว แต่เรานี่เป็นพวกประเภทดื้อเงียบและก็ไม่ได้สนใจเพราะเราไม่ได้ทำอะไร ทั้งๆ ที่อยากจะทำ (หัวเราะ) อันนี้พูดจากใจจริง แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวยอมรับว่าเราไม่กล้าด้วยตัวเราเอง"

รักครั้งแรกแบบชายรักชายของ "ต้อม ไกรวิทย์"

"เป็นอะไรที่ยังจำได้ดีเพราะเป็นรักครั้งแรกวันนั้นไปกินข้าวกับพี่ในวงการคนหนึ่งที่สนิทกันซึ่งเขาก็เป็น และก็มีคุณนายแบบไม่ได้ดังมากก็รู้จักกับพี่คนที่เราสนิท ก็เหมือนรู้ๆ ว่ามีใจก็แกล้งผลักเราก็ล้ม และเจ้านายแบบเขาก็รับเราไว้พอดีเราก็อยู่ในอ้อมกอดเขาเรารู้สึกดีจังเลย และที่สวยงามไปกว่านั้นคือนายแบบเขาขอเบอร์ก็เลยได้สานต่อ"

แต่ครั้งแรกของเขาก็ไปไม่ได้ไกลนักหลังจากที่คบกับนายแบบหนุ่มได้ไม่ถึงปี ความสัมพันธ์ก็ต้องจบลงเพราะนอกจากไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันแล้วยังมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง

"เป็นความรักที่สั้นมากเพราะเขาเป็นคนที่ชอบเที่ยวแต่เราไม่ชอบเที่ยว จนกระทั่งวันนึงก็มีผู้หญิงคนนึงโทรเข้ามาหาเรารู้สึกช่วงตี 2-3 และถามว่าคุณชื่อต้อมหรือเปล่า เราก็บอกใช่แต่ไม่ได้บอกชื่อจริง เขาหึงกันเองผู้หญิงเห็นในข้อความว่าเราส่งข้อความหากันบ่อยมาก ก็เลยโทรเช็คแต่ต้อมเป็นผู้ชาย เขาไม่ได้ระแวงว่าแฟนเขาเป็นผีได้สองอย่าง เราก็เลยคุยกับผู้ชายว่า ไม่เอาดีกว่าเพราะเราก็มีชื่อเสียงแล้วเราจะไปแลกกับเรื่องพวกนี้เพื่ออะไรทุกอย่างก็เลยจบ"

ซึ่งหลังจากเลิกรากับนายแบบหนุ่มแล้ว อดีตนักร้องเล่าให้ฟังว่าตัวเองก็มีแฟนเป็นนักแสดงตัวประกอบเจอกัน เพราะว่าความบังเอิญแต่ปัญหาติดอยู่ที่อีกฝ่ายมีแฟนเป็นผู้หญิง

"เราก็ปิ๊งเขานะแต่เขาปิ๊งเราหรือเปล่าไม่รู้ แต่ด้วยความที่บ้านใกล้กันมากมันก็เลยต่อเนื่อง ซึ่งถ้าเขาไม่มีใจทุกอย่างมันก็คงไม่เกิดขึ้นจริงมั้ย แต่ติดอยู่เรื่องเดียวเขามีแฟนแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราคุยกันจนต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันนึงเราก็แบบอกอีแป้นจะแตกเราก็บอกเขาว่าเราชอบเขา ซึ่งเขาก็รู้สึกดีแต่เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็น เราก็แบบไม่เป็นแต่ก็คุยกับกูจังเลยแล้วเรามาคิดว่าไม่ดีกว่าแต่ยังไม่ได้มีอะไรกันนะแค่คุยๆ กัน และเรารู้สึกผิดต่อผู้หญิงเราขี้โกง ส่วนเขาก็ทรยศผู้หญิง แต่สุดท้ายสิ่งที่มันมหัศจรรย์คือเขาเลิกกับผู้หญิง ซึ่งเราก็ขอร้องเขาว่าถ้าเลิกมันต้องเลิกด้วยปัญหาของคุณสองคนไม่ใช่เลิกเพราะคุณมีเรา"

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะอีกฝ่ายเอ่ยปากว่าไม่มีอะไรจะเสีย และอดีตนักร้องเป็นผู้ชายคนแรกของเขา จึงทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีและใช้ชีวิตด้วยกันแบบคนรักกว่า ปี

"เรารู้สึกดีมากสวยมาก แล้วเขาโรแมนติกสวีทมากๆ อยู่แบบใช้ชีวิตด้วยกัน 5-6 ปี ไปๆ มาๆ บ้านเขาบ้านเรา แต่ว่าพ่อกับแม่เราเขาไม่พูดอะไรเลยอาจจะอึ้งที่เราเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ไหวเพราะด้วยสภาพสังคมมันทำให้อึดอัด ความสมบูรณ์มันไม่มี บวกกับเราทำงานกลางคืนร้องเพลงกลางวันก็ทำงาน เวลาที่จะให้เขามันก็จะไม่มี มันก็เริ่มทะเลาะหนักขึ้นเรื่อยๆ"

"และเราก็มีความรู้สึกว่าเหนื่อยคงต้องจบตอนขอเลิกผู้ชายกราบเราเลยนะ แต่เราก็บอกเขาด้วยสติเราจบกันเถอะแล้ววันนึงคุณจะขอบคุณเรา และเพราะเรารักมากเราถึงทำให้ ถ้าเราเห็นแก่ตัวเราจะไม่ทำ ทะเลาะก็ช่างอยู่กันไปแบบนี้แหละ แต่มันล้ามันเหนื่อยและเมื่อไหร่ก็ตามที่เราชั่งน้ำหนักแล้วความรักมันน้อยกว่าความเฉยเมยแล้วเราอย่าไปทรมานเขา ส่วนเขาก็น่าสงสารไม่รู้จะเข็ดหรือเปล่าเพราะสุดท้ายก็ไปแต่งงานมีลูกมีเมีย"

และนี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดของประสบการณ์ความรักในมุมของชายรักชายที่อดีตนักร้อง "ต้อม ไกรวิทย์"  สะท้อนให้เห็นว่าความรักสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศไม่จำเป็นต้องต้องมีแค่หญิงกับชายที่สังคมตีกรอบและกำหนดมันขึ้นมา  

ฟังเรื่องราวชีวิตของเธอแบบเต็มๆ กับ ตอนพิเศษ ในรายการเรียงคิวบันเทิง วันที่ 4 กันยายนนี้ ผ่านแอพลิเคชั่น VOOV เวลา 16.00 น. 

 

\

"ต้อม ไกรวิทย์" เผยธุรกิจร้านตัดผมหยุด 3 สาขา เปิดสู้ต่อเพื่อลูกน้อง 20 ชีวิต

ต้อม ไกรวิทย์ เผยหยุดธุรกิจซาลอน 3 สาขา กระทบลูกน้อง 20 ชีวิต พร้อมเปิดร้านภายใต้เงื่อนไข ตัดสระไดร์ แม้รายได้ไม่พอ