เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

เนื้อแดง สาเหตุ 6 โรคอันตราย ทำลายสุขภาพ

เนื้อแดง สาเหตุ 6 โรคอันตราย ทำลายสุขภาพ

ใครที่กำลังดูแลสุขภาพอยู่ อาจจะเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่า “ลดเนื้อแดง ทานเนื้อขาว” หมายถึงลดเนื้อวัว เนื้อหมู รวมไปถึงเนื้อสัตว์ใหญ่อื่นๆ และเนื้อที่ถูกแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน แหม กุนเชียง และหันไปทานเนื้อไก่ เนื้อปลาแทน ที่มีคำแนะนำนี้ ก็เพราะเนื้อแดงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของบรรดาโรคร้ายหลายๆ โรคที่เราอาจไม่ทราบกัน

 

เนื้อแดง สาเหตุ 6 โรคอันตราย ทำลายสุขภาพ

  • โรคมะเร็ง
  • โรคแรกๆ ที่คนทราบ คือโรคมะเร็ง เพราะเนื้อแดงมักสารเคมีที่ชื่อว่า ไนโตรซามีน เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อมีการสะสมในร่างกาย นอกจากนี้เนื้อสัตว์อาจใส่สารเร่งเนื้อแดงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย

     

  • โรคหัวใจ
  • ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และรับประทานโปรตีนเป็นปริมาณมาก มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับประทานโปรตีนจากสัตว์ เพราะเนื้อแดงนำไปสู่การสะสมของไขมันในหลอดเลือด ระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้น จนเป็นสาเหตุของโรคหัวใจนั่นเอง

    อ่านต่อ >> จริงหรือไม่? กินเนื้อสัตว์มาก เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ?

     

  • โรคลำไส้
  • การทานเนื้อแดงมากเกินไป อาจทำให้มีปัญหากับลำไส้ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ และมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคลำไส้อักเสบมากกว่าคนที่ทานเนื้อแดงน้อยกว่า

     

  • ความดันโลหิตสูง
  • เป็นผลต่อเนื่องมาจากการทานเนื้อแดงมากเกินไปที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น จึงทำให้มีโอกาสตกอยู่ในภาวะความดันโลหิตสูงได้เช่นกัน

     

  • โรคไขมันในเลือดสูง
  • การทานเนื้อแดง มีโอกาสที่จะได้ทานไขมันจากสัตว์มาก เพราะเนื้อแดงมักมีไขมันแทรกอยู่มากกว่าเนื้อขาว ดังนั้นหากรับประทานอาหารชนิดอื่น เช่น ผัก ผลไม้ ที่มีกากใยอาหารสูงไม่เพียงพอ อาจทำให้เป็นสาเหตุของโรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคอ้วนได้

     

  • ท้องผูก ริดสีดวงทวาร
  • การทานเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดงมากจนเกินไป โดยที่ทานอาหารที่มีกากใยอาหารน้อย รวมไปถึงการดื่มน้ำน้อย ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้มีอาการท้องผูก หรือเป็นริดสีดวงทวารในเวลาต่อมาได้

     

    เนื้อแดงถึงแม้ว่าจะอร่อย แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป และควรทานผักผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง เพื่อช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ และถึงแม้ว่าเนื้อแดงจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับโรคร้ายต่างๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้งด 100% สามารถทานได้บ้างเป็นครั้งคราว เพียงแต่ควบคุมปริมาณไม่ให้มากเกินไป เท่านี้ก็สามารถอร่อยกับอาหาร และปลอดภัยต่อสุขภาพได้แล้วล่ะค่ะ