เอาแล้ว ร้านค้าปลีกเล็งเลิกขายบุหรี่ให้ยาสูบ
รายงานข่าวจากภาคียาสูบแห่งประเทศไทย ระบุว่า ขณะนี้ตัวแทนจำหน่ายบุหรี่ขายส่ง ยี่ปั๊วซาปั๊ว รวมถึงร้านขายปลีก กำลังพิจารณายกเลิกขายบุหรี่ให้กับการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) หลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบให้ร้านค้าส่งและค้าปลีกบุหรี่ของการยาสูบฯ จะต้องรับผิดชอบการจ่ายภาษีเงินได้เอง แทนจากเดิมที่การยาสูบฯ จะเป็นผู้ออกให้
เนื่องจากเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรม และเป็นการผลักภาระของการยาสูบฯ มาให้ร้านค้าต้องรับผิดชอบมีกำไรลดลงไปอีก อีกทั้งร้านค้าก็ไม่สามารถขึ้นราคาขายบุหรี่กับชาวบ้านได้
ปัจจุบันการขายบุหรี่มียอดลดลงอยู่แล้ว หลังจากรัฐบาลมีการขึ้นภาษีบุหรี่ขึ้นมาเมื่อ 16 ก.ย. 2560 ทำให้คนไทยหันไปสูบบุหรี่หนีภาษี หรือยาเส้นที่มีราคาถูกกว่าแทน ทำให้ตัวแทนยี่ปั๊ว ซาปั๊วบุหรี่ของ ยสท. แทบไม่มีกำไร เหลือเพียงซองละไม่ถึง 1 บาท และเมื่อกระทรวงการคลังมาพิจารณาผลักภาระภาษีจากปัจจุบันที่ ยสท. ต้องช่วยเหลือเสียให้กับตัวแทนปีละ 600-700 ล้านบาท มาให้ร้านค้าต้องจ่ายแทนอีกก็จะเป็นการซ้ำเติมให้ร้านค้าให้แย่ลง และอาจต้องเลิกขายบุหรี่ไปในที่สุด
“มาตรการนี้ในระยะสั้นแม้จะเป็นการช่วยให้ ยสท. มีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ในระยะยาวจะไม่เป็นผลดีต่อ ยสท. เอง เพราะร้านค้าคงหันไปขายบุหรี่นอกประเทศ ที่ราคาไม่แตกต่างกันแทน” รายงานข่าว ระบุ
ด้านนายสุธี ชวชาติ นายกสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบ จ.ลำปาง และตัวแทนภาคียาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ ตัวแทนภาคียาสูบจะมีการหารือเพื่อยื่นขอเสนอถึงรัฐบาลใหม่ใน 2 เรื่อง คือ ให้มีการทบทวนการขึ้นภาษีบุหรี่ 40% ออกไป หรือให้ทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันไดปีละ 5% เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว ส่วนอีกเรื่องให้ทบทวนการผลักภาระการจ่ายภาษีเงินได้จาก ยสท. ไปให้ตัวแทนจำหน่าย เพราะจะทำให้ร้านค้าบุหรี่ได้รับผลกระทบ มีกำไรจากการขายบุหรี่ของ ยสท. ลดลงไปอีก ซึ่งท้ายที่สุดจะกระทบไปถึงชาวไร่ใบยาสูบด้วย เพราะเมื่อ ยสท.ขายบุหรี่ได้น้อย ก็จะรับซื้อใบยาจากชาวไร่ลดลงไปตาม
นายปิ่นสาย สุรัสวดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2562 ได้เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการการปรับปรุงแก้ไขการเสียภาษีเงินได้ออกแทนให้ผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย โดยกำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2562 ยสท.จะไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ออกแทน ให้ผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกสินค้ายาสูบแล้ว ดังนั้น ผู้ขายสินค้ายาสูบทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดามีหน้าที่นำเงินได้จากการขายสินค้ายาสูบมารวมคำนวณและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี
“การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการที่ขายสินค้ายาสูบของ ยสท. มีภาระภาษีเงินได้เช่นเดียวกับการขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป และยังเป็นการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันทางการค้าระหว่างผู้ผลิตสินค้าบุหรี่ในประเทศและผู้นำเข้าสินค้าบุหรี่จากต่างประเทศ” นายปิ่นสาย กล่าว
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ยสท. มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ในอัตรา 12.5% ของกำไรของผู้ขายส่งไม่ว่าทอดใด และในอัตรา 10% ของกำไรของผู้ขายปลีก โดยผู้ขายสินค้ายาสูบที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้ถือว่าภาษีเงินได้ที่การยาสูบฯออกแทนนั้นถือเป็นเครดิตภาษีของผู้ขายสินค้ายาสูบ และกรณีผู้ขายสินค้ายาสูบที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่การยาสูบแห่งประเทศไทยได้ออกภาษีเงินได้แทนนั้น ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา