เนื้อหาในหมวด ข่าว

LGBTQ+ สหรัฐฯ จับมือขอความยุติธรรมให้ “หญิงข้ามเพศผิวดำ” ที่ถูกฆาตกรรม

LGBTQ+ สหรัฐฯ จับมือขอความยุติธรรมให้ “หญิงข้ามเพศผิวดำ” ที่ถูกฆาตกรรม

ขณะที่การชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิว และการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังคุกรุ่นในสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลก เหตุการณ์ความรุนแรงต่อกลุ่มคนผิวดำก็ยังปรากฏให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน เช่น เหตุฆาตกรรม Riah Milton และ Dominique “Rem’ Mie” Fells ผู้หญิงข้ามเพศผิวดำ 2 คนในสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่การเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่ม LGBTQ+ และเกิดเป็น #BlackTransLivesMatter ในทวิตเตอร์

ตามรายงานของทางการท้องถิ่น ระบุว่า Riah Milton วัย 25 ปี ถูกคนร้ายปล้นและยิงเสียชีวิต ในเมืองลิเบอร์ตี้ รัฐโอไฮโอ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นตำรวจได้จับกุมผู้ก่อเหตุ 2 คน และทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ขณะที่ Tyree Cross ผู้ก่อเหตุคนที่ 3 ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนี และก่อนหน้าเหตุการณ์ของ Milton เพียงวันเดียว Dominique “Rem’ Mie” Fells ก็ถูกพบเป็นศพในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย โดยสำนักงานตำรวจของเมืองฟิลาเดลเฟียยืนยันว่า การเสียชีวิตของเธอเป็นการฆาตกรรม และขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน

“ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเป็นสิ่งที่ยากลำบากเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรากำลังอยู่ในเดือน Pride ซึ่งปกติจะเต็มไปด้วยความสุขและการเฉลิมฉลองของคนมากมายในชุมชนของพวกเรา” หน่วยงาน LGBTQ+ ประจำเมืองฟิลาเดลเฟีย กล่าวในแถลงการณ์

จากรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชน (Human Rights Campaign หรือ HRC) ชี้ว่า ผู้หญิงข้ามเพศผิวสี โดยเฉพาะผู้หญิงข้ามเพศผิวดำ มักตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงและนำไปสู่การเสียชีวิตมากที่สุด ซึ่งมีหลายสาเหตุรวมกัน ทั้งเรื่องของการเหยียดสีผิว การเหยียดเพศ การเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน (Homophobia) การเกลียดกลัวคนที่รักได้มากกว่าหนึ่งเพศ (Biphobia) และการเกลียดกลัวการข้ามเพศ (Transphobia) ทั้งนี้ เมื่อนับรวมเหตุการณ์การเสียชีวิตของ Fells และ Milton ปี 2020 เพียงปีเดียว มีคนข้ามเพศในสหรัฐฯ ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตกว่า 14 ราย ขณะที่ในปี 2019 มีคนข้ามเพศเสียชีวิตจากความรุนแรงมากกว่า 26 ราย ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2013 – 2018 คนข้ามเพศในสหรัฐฯ ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตมากกว่า 130 ราย

แม้คนข้ามเพศในสหรัฐฯ จะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตจำนวนมาก แต่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ประกาศยกเลิกกฎระเบียบการไม่เลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ+ ในระบบสุขภาพ โดยระบุว่า “เพศสภาพ” คือ “เพศกำเนิด” และอนุญาตให้บริษัทประกันสามารถปฏิเสธการจ่ายเงินประกัน สำหรับการรักษาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผ่าตัดข้ามเพศได้ กฎดังกล่าวประกาศใช้เมื่อวันศุกร์ ที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา และในวันเดียวกันนี้ ยังถือเป็นวันครบรอบ 4 ปี เหตุการณ์กราดยิงที่ไนต์คลับ Pulse ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 49 ราย และถือเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงต่อกลุ่ม LGBTQ+ ที่ใหญ่ที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของสหรัฐฯ

พนักงานในสหรัฐฯ ประกาศหยุดงาน “8 นาที 46 วินาที” ประท้วงปัญหาความไม่เท่าเทียม

พนักงานในสหรัฐฯ ประกาศหยุดงาน “8 นาที 46 วินาที” ประท้วงปัญหาความไม่เท่าเทียม

พนักงานระดับปฏิบัติการทั่วสหรัฐอเมริกา วางแผนจะหยุดงานในวันจันทร์ ที่ 27 กรกฎาคม 2020 เพื่อประท้วงปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบและนโยบายการป้องกันโรคโควิด-19 ที่ไม่ครอบคลุมไปถึงประชากรผิวดำ

กลุ่มผู้หญิงจับมือสร้าง “กำแพงคุณแม่” ปกป้องผู้ชุมนุมในพอร์ตแลนด์

กลุ่มผู้หญิงจับมือสร้าง “กำแพงคุณแม่” ปกป้องผู้ชุมนุมในพอร์ตแลนด์

กลุ่มคุณแม่ ซึ่งเรียกตัวเองว่า “กำแพงคุณแม่” รวมตัวกันในช่วงสุดสัปดาห์ ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน เพื่อปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงจากทหารของรัฐบาลกลาง ที่ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

“เด็ก 8 ขวบ” นำทัพ “Black Lives Matter เด็ก” เรียกร้องความเท่าเทียมเพื่ออนาคต

“เด็ก 8 ขวบ” นำทัพ “Black Lives Matter เด็ก” เรียกร้องความเท่าเทียมเพื่ออนาคต

Nolan Davis เด็กชายวัย 8 ขวบ แกนนำของการชุมนุม Black Lives Matter เด็ก ต้องการแสดงให้สังคมได้เห็นว่าการเปล่งเสียงของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนอื่นที่ได้ยินเสียงของเขา ก็จะได้รู้ว่าพวกเขาก็สามารถเปล่งเสียงของตัวเองได้เช่นกัน

“ปฏิวัติอเมริกา” อีกหนึ่งต้นเหตุสู่การขับเคลื่อนไหว Black Lives Matter

“ปฏิวัติอเมริกา” อีกหนึ่งต้นเหตุสู่การขับเคลื่อนไหว Black Lives Matter

ขณะที่คนอเมริกันในปัจจุบันที่ลุกขึ้นมาเรียกร้อง Black Lives Matter ต้องการให้รื้อถอนอนุสาวรีย์เพื่อเปลี่ยนแปลงความเชื่อและความเข้าใจอดีตของประเทศ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ “สงครามกลางเมือง” ไม่ใช่สงครามเดียวในสหรัฐฯ ที่มี “ทาส” เป็นองค์ประกอบสำคัญ

งานวิจัยชี้ “ไม่มีหลักฐาน” ยืนยันว่าประท้วง Black Lives Matter ทำยอดโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น

งานวิจัยชี้ “ไม่มีหลักฐาน” ยืนยันว่าประท้วง Black Lives Matter ทำยอดโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น

แม้จะมีหลายฝ่ายที่ออกมาแสดงความกังวลว่า การชุมนุมประท้วง Black Lives Matter อาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อจากโรคโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น แต่นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้ทำการศึกษาเรื่องนี้และค้นพบว่า “ไม่มีหลักฐาน” ที่ชี้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับชาวอเมริกันผิวดำ ทำให้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น